ดร.ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟอร์รั่ม จำกัด (มหาชน) (FER) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 2,006 ล้านบาท ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 1,898 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียน 3,445 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ 1,438,799,970 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดย 759,199,980 หุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ในราคาหุ้นละ 1 บาท และออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทครั้งที่ 2 หรือ FER-W2 จำนวน 380 ล้านหน่วย
โดยจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน 5 หุ้น เดิมต่อ 2 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ต่อ 1 วอร์แรนต์ และส่วนที่เหลืออีก 300 ล้านหุ้น จะจัดสรรให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง (private placement) ได้แก่ นายธราธิป ธาราธรรมรัตน์ และ นางสาวนภัสนันท์ วงศ์ธนินยา และ นายเชาวรัตน์ เวศม์ภิญโญ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1 บาท โดยทั้ง 3 คนดังกล่าว เป็นนักธุรกิจที่คร่ำหวอดในแวดวงพลังงานอยู่แล้ว เป็น strategic investor ซึ่งน่าจะให้คำแนะนำกับบริษัทฯ ในการต่อยอดธุรกิจได้ในอนาคต
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯยังอนุมัติเข้าไปลงทุนในธุรกิจการเป็นตัวแทนนายหน้าในการจัดจำหน่ายแก๊ส LPG และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ของ บริษัท สตาร์ แก๊ส จำกัด (สตาร์ แก๊ส) โดยการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดใน สตาร์ แก๊ส จากผู้ถือหุ้นของ สตาร์ แก๊ส จำนวน 600,000 หุ้น คิดเป็นจำนวนร้อยละ 100 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด รวมเงินลงทุน 550 ล้านบาท
สตาร์ แก๊ส ประกอบธุรกิจการให้บริการแก๊ส LPG สำหรับยานยนต์แบบค้าปลีกภายในสถานีบริการของตนเอง รวมถึงให้เช่าพื้นที่ภายในสถานีกับผู้ประกอบการธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นๆ เช่น ธุรกิจทำความสะอาดรถยนต์ ธุรกิจจำหน่ายกาแฟ และธุรกิจจำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ด เป็นต้น ซึ่งหลังจากที่บริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการของสตาร์ แก๊ส แล้ว บริษัทฯ จะมีสถานีบริการแก๊ส LPG จำนวน 30 สาขา และสถานีบริการแก๊ส NGV จำนวน 2 สาขา
นอกจากนี้ สตาร์ แก๊ส ยังเป็นตัวแทนนายหน้าในการจัดจำหน่ายแก๊ส LPG ระหว่างคู่ค้ามาตรา 7 กับกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่เป็นสถานีบริการ LPG ทั่วประเทศ โดย สตาร์ แก๊ส จะเป็นผู้ประสานงานเรื่องการจัดซื้อและจัดส่งและได้รับค่าบริการในรูปของค่าบริหารจัดการคอยทำหน้าที่เป็นตัวกลางการค้าส่งแก๊ส
" คาดว่าการขยายการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัท ไปยังกลุ่มธุรกิจที่มีรายได้และอัตราการทำกำไรที่สม่ำเสมอ จะช่วยต่อยอดธุรกิจพลังงาน เพราะเป็นธุรกิจที่มีกระแสเงินสดสม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทในภาพรวม นอกจากนี้ยังมีโอกาสในการเพิ่มรายได้และอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสม จะช่วยให้บริษัทมีฐานะทางการเงินที่มั่นคงและเพิ่มกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในระยะยาวอีกด้วย" ดร.ประสิทธิ์ กล่าวในที่สุด