นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการและประธานบริหารการลงทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 22 - 28 พฤศจิกายน 2559 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซีไอ (KFF6MCI) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.50% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน เอแอล (KFF3MAL) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.40% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
ด้านมุมมองตลาดตราสารหนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นายชัชชัยกล่าวว่า "อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับเพิ่มขึ้นในเกือบทุกช่วงอายุตราสาร โดยยังมีแรงขายสุทธิจากนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดตราสารหนี้โลก โดยเฉพาะตราสารหนี้ระยะยาวที่ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าตราสารหนี้ระยะสั้น ทำให้ Yield curve ยังค่อนข้างมีความชัน ทั้งนี้สาเหตุมาจากนักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกอบกับถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ที่มีการส่งสัญญาณต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์ว่ามีโอกาสถึง 98% ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในรอบการประชุมเดือนธันวาคมนี้ ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ เศรษฐกิจไทยยังสามารถฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยผลการประชุมล่าสุดของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.50% และคาดว่าจะยังมีทิศทางทรงตัวอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม จากความผันผวนของตลาดตราสารหนี้ที่มาจากปัจจัยภายนอกประเทศในระยะนี้ โดยเฉพาะความกังวลเกี่ยวกับความไม่ชัดเจนของทิศทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ดังนั้น ผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ไม่มาก อาจเลือกลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการที่มีอายุประมาณ 3-6 เดือน เพื่อล็อกผลตอบแทนที่แน่นอนและรอดูจังหวะการลงทุนต่อไป"
นายชัชชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า บลจ.กสิกรไทยได้เปิดเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการเป็นประจำทุกสัปดาห์เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการล็อกผลตอบแทนที่แน่นอน โดยสามารถเลือกลงทุนเป็นเวลา 3 เดือน หรือ 6 เดือน ทั้งนี้สำหรับ กองทุน KFF6MCI ที่มีอายุโครงการ 6 เดือน เบื้องต้นคาดว่าจะเข้าไปลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation, เงินฝาก Abu Dhabi Commercial Bank, เงินฝาก First Gulf Bank และเงินฝาก Union National Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นอกจากนี้ยังคาดว่าจะลงทุนในตราสารหนี้ Qatar National Bank ด้านกองทุน KFF3MAL ที่มีอายุโครงการ 3 เดือน เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Bank of China, เงินฝาก China Construction Bank Corporation, เงินฝาก Union National Bank และเงินฝาก First Gulf Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นอกจากนี้ยังคาดว่าจะลงทุนในตราสารหนี้ Qatar National Bank โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ ของบลจ.กสิกรไทย
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุน KFF6MCI และกองทุน KFF3MAL สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือที่ www.kasikornasset.com