“พรีโม่ เอ็นเนอร์จี” ขายไฟโครงการแรกในญี่ปุ่น พร้อมเดินหน้าลุยให้ครบ 30 เมกะวัตต์ตามเป้า

พุธ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๐๑๖ ๑๓:๔๒
"พรีโม่ เอ็นเนอร์จี" บริษัทสัญชาติไทย ประกาศศักดิ์ดาขายไฟฟ้าจากโซลาร์ฟาร์ม นำร่องโครงการแรกในญี่ปุ่นแล้ว ขนาด 1.27 เมกะวัตต์ ในโครงการ FUKUI "อุกฤษฏ์ ตัณฑเสถียร" บอสใหญ่เผย พร้อมเดินหน้าลุยขยายให้ครบทั้ง 30 เมกะวัตต์ มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ ระบุญี่ปุ่นเป็นตลาดพลังงานทดแทนที่มีศักยภาพการเติบโตสูง เหตุรัฐบาลสนับสนุนเต็มสูบ

นายอุกฤษฏ์ ตัณฑเสถียร กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีโม่ เอ็นเนอร์จี จำกัด เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) ในประเทศญี่ปุ่นขนาดกำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ มูลค่า 3,000ล้านบาท ว่า ขณะนี้โครงการที่พัฒนาในกลุ่ม FUKUI ขนาดกำลังการผลิตรวม 10 เมกะวัตต์ สามารถเชื่อมต่อสายส่งจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date: COD) แล้วจำนวน 1.27 เมกะวัตต์ ภายใต้ชื่อโครงการFUKUI 3 ส่วนโครงการที่เหลือ อยู่ระหว่างการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและทยอย COD ในลำดับต่อไป

สำหรับโครงการ FUKUI 3 มีสัญญาขายไฟให้กับรัฐบาลญี่ปุ่นเป็นเวลา 20 ปี ในระบบให้เงินสนับสนุนตามต้นทุนที่แท้จริง (Feed in Tariff : FiT) ซึ่งบริษัทจะรับรู้รายได้ทันทีในปีนี้ โดยที่ผ่านมาการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นของพรีโม่ เอ็นเนอร์จี ได้ว่าจ้าง บริษัท พรีเมียร์ โซลูชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW เป็นผู้พัฒนาโครงการแบบเทิร์นคีย์ ในลักษณะการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพร้อมใบอนุญาตและจัดโครงสร้างการลงทุนพร้อมเป็นที่ปรึกษาให้กับเจ้าของโครงการ

สำหรับ พรีโม่ เอ็นเนอร์จี ถือเป็นบริษัทสัญชาติไทยลำดับต้นๆ ที่ได้เข้าไปทำธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น โดยประเมินว่าตลาดด้านพลังงานทดแทนในญี่ปุ่นมีศักยภาพการเติบโตสูง ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้การสนับสนุนด้วยการเปิดกว้างสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ ทั้งยังรับซื้อไฟในระบบ Feed in Tariff จึงทำให้ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และถือเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอนาคต

"พรีโม่ เอ็นเนอร์จีฯ เริ่มขายไฟฟ้าให้กับรัฐบาลญี่ปุ่นแล้ว 1.27 เมกะวัตต์ และจะทยอยพัฒนาให้ครบ 30เมกะวัตต์ ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเราเป็นในบริษัทสัญชาติไทยอันดับ 3 ที่สามารถขายไฟให้รัฐบาลญี่ปุ่นได้เป็นผลสำเร็จแม้ว่าจะเป็นบริษัทขนาดเล็กเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่นจากประเทศไทย แต่เนื่องจากเรามีพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญและแข็งแกร่งในตลาดนี้จึงสามารถคว้าโอกาสทางธุรกิจไว้ได้ และหลังจากนี้จะมุ่งขยายธุรกิจพลังงานประเภทโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ มีคู่สัญญาเป็นรัฐบาลญี่ปุ่น ในขณะเดียวกันให้ผลตอบแทนเป็นกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอตลอดอายุสัมปทาน"

นายอุกฤษฏ์ กล่าวต่อว่า การลงทุนในญี่ปุ่นของบริษัท จะเน้นทยอยลงทุน ถือเป็นการป้องกันความเสี่ยงในระดับหนึ่ง และการลงทุนดังกล่าวจะใช้วิธีการกู้เงินจากสถานบันการเงินในสัดส่วน 80% ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม สำหรับปัญหาด้านภัยธรรมชาติในญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในหลายพื้นที่ บริษัทได้ป้องกันความเสี่ยงด้วยการ ได้ทำประกันความเสี่ยงไว้ทั้งหมด

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ