นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า "ปัจจุบันภาคการเงินการธนาคารในภูมิภาคอาเซียนกำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านสู่บรรทัดฐานใหม่ของเศรษฐกิจโลก (New Normal Economy) อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งระบบนิเวศทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป การแข่งขันภายใต้เทคโนโลยี เช่น ฟินเทค (Fintech) ในภาคการเงินอย่างรวดเร็ว ตลอดจนหลักเกณฑ์ข้อบังคับใหม่ๆ ที่ถูกนำมาใช้ในการควบคุมกิจการของสถาบันการเงิน การรวมตัวของนายธนาคารและนักการเงินจากประเทศอาเซียนในครั้งนี้จึงเป็นการประชุมที่สำคัญอย่างยิ่ง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ในอนาคตและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของภาคการเงินในภูมิภาค ผ่านความร่วมมือที่แนบแน่นยิ่งขึ้นด้วยแนวทางและเป้าหมายที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน นั่นคือการยกระดับบริการทางการเงินให้สามารถรองรับศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งด้านการค้าและการส่งออกในภูมิภาคอาเซียนที่มีมูลค่าสูงถึง 2.27 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีการลงทุนจากต่างประเทศมากถึง 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังจากเริ่มต้นอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปลายปี 2558 พร้อมใช้เครือข่ายที่แข็งแกร่งของสมาชิกสมาคมธนาคารอาเซียนส่งเสริมให้ภาคธุรกิจสามารถขยายฐานการค้าและการลงทุนระหว่างกันได้อย่างเต็มศักยภาพ"
ดร.วิรไท สันติประภพผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยได้กล่าวในปาฐกถาว่า "โลกเรากำลังเผชิญกับ New Mediocre หรือ ภาวะเศรษฐกิจเติบโตเชื่องช้า ภาวะเงินเฟ้อต่ำ ส่งผลความรู้สึกและพฤติกรรมของผู้บริโภค ในปัจจุบัน ผู้บริโภคต้องการความสะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงินมากขึ้น คาดหวังให้ค่าบริการลดลง ในขณะเดียวกัน Non- bank ก็ก้าวเข้ามาเป็นผู้เล่นในภาคการเงินผ่านเทคโนโลยีฟินเทค (FinTech) ส่งผลให้ภาคการเงินการธนาคารต้องมีการปรับตัวขนานใหญ่ ซึ่งภูมิภาคอาเซียนก็ได้รับผลกระทบดังกล่าวเช่นกัน จึงจำเป็นที่ธนาคารในอาเซียนต้องร่วมมือกัน ทั้งในด้านการสร้างระบบ Cross – border Payment and Settlement หรือ ระบบการชำระเงินค่าสินค้าและบริการระหว่างประเทศให้เป็นระบบเดียวกัน รวมทั้งวิธีการคิดค่าบริการ"
"ในด้านของความปลอดภัยก็จำเป็นที่ต้องมีระบบในการป้องกันที่ดีควบคู่ไปกับการสร้างความรู้ด้านการเงินแก่ผู้บริโภค ในส่วนของธนาคารเองต้องไม่พิจารณาเฉพาะผลประกอบการในระยะสั้น หากแต่ต้องสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดำรงอยู่บนจรรยาบรรณและรับผิดชอบต่อสังคมเพราะในที่สุดการตัดสินใจต่างๆของธนาคารก็สะท้อนมาจากค่านิยมขององค์กรนั่นเอง" ดร. วิรไท กล่าวทิ้งท้าย
การสัมมนาASEAN Banking Conferenceครั้งที่ 21 และการประชุม ASEAN Banking Council Meeting ครั้งที่ 46 ณ กรุงเทพมหานคร สมาคมธนาคารไทยได้รับมอบหมายจากสมาคมธนาคารอาเซียนให้เป็นเจ้าภาพดำเนินการจัดงาน โดยการสัมมนาจะมีขึ้นทุกๆ 2 ปี ในขณะที่การประชุมจะมีขึ้นทุกปี โดยกำหนดหัวข้อหลักจากสถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มที่กำลังจะเกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อภาคการเงินในอนาคต โดยผู้แทนจากนายธนาคารจากประเทศต่างๆ ในภูมิภาคจะร่วมกันระดมความคิดเห็นและกำหนดแนวทางความร่วมมือระหว่างกัน ด้วยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคการเงินของภูมิภาคอาเซียนอย่างยั่งยืนต่อไป