บมจ.อาฟเตอร์ ยู เคาะราคา IPO หุ้นละ 4.50 บาท พร้อมเปิดจองซื้อ 14-16 ธ.ค.นี้ ตั้งเป้าขยายสาขาครบ 30 แห่งภายในปี 61 เร่งติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มช่วยลดต้นทุนการผลิต

อังคาร ๑๓ ธันวาคม ๒๐๑๖ ๑๒:๒๑
บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ 'AU' ผู้สร้างปรากฏการณ์ธุรกิจขนมหวานในประเทศไทย เคาะราคา IPO หุ้นละ4.50 บาท เตรียมเปิดให้จองซื้อ 14-16 ธันวาคมนี้ คาดเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ปลายเดือนธันวาคมนี้ ประกาศแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัดเป็นผู้ร่วมจัดจำหน่าย ด้านผู้บริหาร AU ตั้งเป้าขยายการลงทุนร้านขนมหวานเพิ่มเป็น 30 สาขาภายในปี 2561 พร้อมวางแผนลงทุนเครื่องจักรและอุปกรณ์การผลิตในโรงงานเพิ่มเติม รวมถึงปรับระบบการเช่าพื้นที่ใหม่เป็นแบบระยะยาวช่วยลดต้นทุน ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 75 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 101.6%

เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2559 บมจ.อาฟเตอร์ ยู หรือ 'AU' ได้ลงนามในสัญญาแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO และแต่งตั้งบริษัท บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่าย

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ สำรวจความต้องการซื้อหุ้น (Book Building) ของนักลงทุนสถาบัน เมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา มีช่วงราคาเสนอขายที่หุ้นละ 4.30 – 4.50 บาท โดยพบว่ามีนักลงทุนสถาบันแสดงความสนใจซื้อที่ราคาสูงสุดหุ้นละ 4.50 บาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของธุรกิจและแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต ดังนั้น จึงได้กำหนดราคาขาย IPO ที่หุ้นละ 4.50 บาท โดยจะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อในวันที่ 14-16 ธันวาคมนี้ และคาดว่าจะเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรก ในวันที่ 23 ธันวาคม 2559

ทั้งนี้ บมจ.อาฟเตอร์ ยู จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และเสนอขายให้แก่ กรรมการ ผู้บริหารและ/หรือพนักงานของบริษัทฯ รวมทั้งสิ้นจำนวนไม่เกิน 165 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 22.8 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ปัจจุบัน บมจ.อาฟเตอร์ ยู มีทุนจดทะเบียน 72.5 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 725 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.10บาท โดยทุนที่ออกจำหน่ายและชำระแล้ว มีจำนวน 56 ล้านบาท

ส่วนการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนนั้น ได้แบ่งการจัดสรรเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย 1.การจัดสรรเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก จำนวน 161.5 ล้านหุ้น 2.เสนอขายให้แก่กรรมการบริษัทฯ จำนวน 1.5 ล้านหุ้น และ 3.เสนอขายให้แก่ผู้บริหาร และ/หรือพนักงานบริษัทฯ จำนวน 2 ล้านหุ้น ซึ่งในกรณีที่มีหุ้นสามัญที่เหลือจากการเสนอขายแก่กรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือพนักงานบริษัทฯ นั้น จะจัดสรรเพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนภายใต้ดุลยพินิจของ บมจ.อาฟเตอร์ ยู และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายต่อไป โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จะนำไปใช้ขยายสาขาร้าน อาฟเตอร์ ยู ใช้ลงทุนติดตั้งเครื่องจักรในโรงงานเพิ่มขึ้นและก่อสร้างศูนย์ฝึกอบรมพนักงาน ศูนย์กระจายสินค้า ตลอดจนนำไปชำระคืนเงินกู้และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง กล่าวว่า สำหรับการเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรก ทางกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของ บมจ.อาฟเตอร์ ยู อาจจะเสนอขายหุ้นสามัญเดิมที่ตนถืออยู่ต่อบุคคลในวงจำกัด จำนวนไม่เกิน 50 ราย จำนวน 52.5 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 7% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ในราคา IPO ซึ่งการที่ผู้ถือหุ้นเดิมนำหุ้นของตนเองมาขายในวันแรกของการเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ แทนการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบัน เนื่องจากมีเป้าหมายต้องการเพิ่มสภาพคล่องของหุ้นในกระดานและยังสะท้อนมุมมองของนักลงทุนที่ต้องการเข้าถือหุ้น บมจ.อาฟเตอร์ ยู ในระยะยาว เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในพื้นฐานธุรกิจและมีศักยภาพการเติบโตได้อีกมาก ขณะเดียวกันยังจะส่งผลดีต่ออัตรากำไรต่อหุ้น (EPS) และอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ไม่ปรับลดลงซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นในอนาคตอีกด้วย

ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค. - ก.ย. 59 ) ของ บมจ.อาฟเตอร์ ยู ถือว่ามีศักยภาพการเติบโตที่โดดเด่น โดยมีรายได้รวม 440.9 ล้านบาท เติบโต 54.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 286.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101.6% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 37.2 ล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยมาจากยอดขายสาขาเดิมที่เติบโตขึ้นจากความนิยมในเมนูน้ำแข็งไสคากิโกริ การออกเมนูใหม่และเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้น

นายแม่ทัพ ต.สุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อาฟเตอร์ ยู กล่าวว่า บริษัทฯ แบ่งการดำเนินธุรกิจเป็น 2 ส่วน คือ1.ธุรกิจร้านขนมหวานภายใต้เครื่องหมายการค้า 'อาฟเตอร์ ยู' และ 'เมโกริ' ซึ่งเป็นร้านน้ำแข็งไสที่เหมาะกับประเทศไทยที่เป็นเมืองร้อน โดย ณ วันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ร้านอาฟเตอร์ ยู มีจำนวน 18 สาขา และเมโกริ มีจำนวน 2 สาขา และ 2. ธุรกิจรับบริการจัดงานนอกสถานที่และรับจ้างผลิต อาทิ งานสังสรรค์ งานแต่งงาน การรับจ้างผลิตสินค้าให้แก่สายการบินหรือร้านอาหารภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังได้วางแผนขยายธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจขนมหวานและ เบเกอรี่ครบวงจร ได้แก่ การขยายสาขาร้านขนมหวานในกรุงเทพฯ ปริมณฑลและหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด เพิ่มขึ้นเป็น 30 สาขาภายในปี 2561 รวมถึงจะขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีแผนก่อสร้างสำนักงานใหม่ สถานที่ฝึกอบรมพนักงานและศูนย์กระจายสินค้า ตลอดจนพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต พร้อมวางแผนลดต้นทุนการผลิตโดยลงทุนเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ในการผลิตภายในโรงงานเพิ่มเติมรวมถึงปรับระบบการเช่าพื้นที่ขยายสาขา จากการเช่าแบบระยะสั้นเป็นระยะยาว ซึ่งจะส่งผลดีต่ออัตราการทำกำไรในอนาคต

ด้านนางสาวกุลพัชร์ กนกวัฒนาวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.อาฟเตอร์ ยู กล่าวว่า จากความชื่นชอบในการทำขนมหวานและเริ่มสั่งสมประสบการณ์จากการลงมือทำสู่การพัฒนาธุรกิจร้านขนมหวานภายใต้ชื่อร้านอาฟเตอร์ ยู โดยเปิดสาขาแรกที่เจ อเวนิว ซอยทองหล่อ 13 เพื่อจำหน่ายของหวานที่ปรุงสดเสิร์ฟคู่กับไอศกรีม ที่สร้างความแตกต่างจากร้านขนมหวานทั่วไป ทำให้ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างรวดเร็วภายในระยเวลาเพียง 2 เดือนหลังจากที่เปิดให้บริการ

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ดำเนินธุรกิจกว่า 9 ปี บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นสร้างความแตกต่างด้านผลิตภัณฑ์และบริการจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ ทั้งการให้ความสำคัญกับรสชาติผลิตภัณฑ์ การสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง การให้บริการสร้างความพึงพอใจแก่ผู้บริโภคเพื่อให้เกิดการบอกต่อ การรักษาและขยายฐานลูกค้าใหม่ การคัดเลือกทำเลที่ตั้ง ตลอดจนการทำตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งปัจจุบัน 'อาฟเตอร์ ยู' มีเมนูของหวานและเครื่องดื่มให้บริการกว่า 100 รายการ รวมถึงมีการจำหน่ายสินค้าของที่ระลึก โดยมีเมนูที่ได้รับความนิยมสูงจากผู้บริโภค อาทิ กลุ่มฮันนี่โทส ช็อกโกแลตลาวา คากิโกริ จึงเป็นปัจจัยความสำเร็จที่ทำให้ร้านอาฟเตอร์ ยู เป็นร้านขนมหวานในใจผู้บริโภคทุกช่วงอายุตั้งแต่เด็กนักเรียน ผู้ใหญ่จนถึงผู้สูงอายุ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version