นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยได้ร่วมมือกับ International Business Settlement co., LTD. (IBS) ฟินเทครายใหญ่จากสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งเป็นบริษัทที่มีเทคโนโลยีทางการเงินที่ก้าวหน้าที่สุดแห่งหนึ่งของโลก พัฒนาระบบการชำระเงินระหว่างประเทศไทย-จีนในรูปสกุลเงินบาทและเงินหยวน ด้วยการใช้เทคโนโลยีการประมวลผลแบบกระจาย (Distributed Computing) และบล็อกเชน (Blockchain) ผ่านเครือข่ายการชำระเงินข้ามประเทศNext Generation Settlement Network (NGSN) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับชำระเงินเพื่อการค้าและโอนเงินต่างธนาคารทั่วโลกแบบเรียลไทม์ RTGS (Real-Time Settlement Network)
NGSN ได้รับการออกแบบให้เป็นระบบปฏิบัติการที่สะดวก มีสมาชิกเป็นธนาคารพาณิชย์ และหน่วยงานชำระบัญชีจากทั่วโลก สามารถโอนเงินหลากหลายสกุลถึงกันได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านธนาคารตัวแทนหลายธนาคารจึงสามารถลดระยะเวลาการชำระเงิน ลดค่าใช้จ่าย และลดต้นทุนในการดำเนินงานในขณะที่มีความปลอดภัยสูง
นายบัณฑูร กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันจีนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของประเทศไทยและยังเป็นประเทศหลักที่นำเงินลงทุน FDIเข้ามาในประเทศไทย โดยในปี 2559 มียอดประมาณการค้าระหว่างไทย-จีนอยู่ที่ 2.3 ล้านล้านบาท ดังนั้น ความร่วมมือกับ IBS ในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการชำระเงินระหว่างประเทศไทยและจีน โดยเฉพาะการพัฒนาด้านดิจิทัล แบงก์กิ้งของธนาคารก้าวหน้ายิ่งขึ้น ช่วยอำนวยความสะดวกในการชำระเงิน อีกทั้งยังช่วยเพิ่มเสถียรภาพของค่าเงินบาทและเงินหยวน อันจะส่งผลให้ปริมาณการค้าการลงทุนเพิ่มมากขึ้น รวมถึงปริมาณนักท่องเที่ยวจีนที่จะเพิ่มมากขึ้นด้วย
ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมีสาขาและสาขาย่อยอยู่ที่ประเทศจีนทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ สาขาเฉิงตู สาขาเซินเจิ้น สาขาย่อยหลงกั่ง และสาขาฮ่องกง 1 สาขา และมีสำนักงานผู้แทนอีก 3 สาขา ได้แก่ สำนักงานผู้แทนคุณหมิง สำนักงานผู้แทนปักกิ่ง และสำนักงานผู้แทนเซี่ยงไฮ้ ซึ่งในปี 2560 ธนาคารจะดำเนินการยกระดับจากสาขาต่างประเทศให้กลายเป็นธนาคารท้องถิ่นในประเทศจีน (LII) และเปิดสาขาแห่งที่ 4 ที่นครเซี่ยงไฮ้เพื่อให้สามารถเพิ่มขีดความสามารถของการบริการได้อย่างครบวงจรและมีความคล่องตัวในการขยายธุรกิจมากขึ้น พร้อมให้บริการนักลงทุนจีนและไทย รวมถึงการทำธุรกรรมทางการเงินของกลุ่มลูกค้าบุคคลในจีนและนักท่องเที่ยวจีนมายังประเทศไทยในรูปแบบดิจิทัลด้วย
ด้าน มร. หลัว เฟิง ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ International Business Settlement Limited (IBS) เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งมั่นในการก้าวขึ้นเป็นบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินชั้นนำของโลกด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินอย่างรวดเร็วก่อให้เกิดการปฏิวัติครั้งใหญ่พร้อมนำมาซึ่งโอกาสต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมการเงินโลก โดยใช้เทคโนโลยีการประมวลผลแบบกระจาย(Distributed Computing) และบล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยของข้อมูล เพื่อสร้างเครือข่ายการชำระเงินข้ามประเทศแบบล้ำยุค (NGSN) ในรูปแบบการปฏิบัติการที่ไม่ซับซ้อนโดยมีผู้ร่วมใช้งานคือ สถาบันและหน่วยงานด้านการเงินทั่วโลก IBS รวมศูนย์และเชื่อมโยงหน่วยงานชำระบัญชีในภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อให้บริการชำระบัญชีทุกสกุลเงินแก่ธนาคารพาณิชย์ทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งสร้างช่องทางใหม่เพื่อการโอนเงินทุกสกุลข้ามประเทศแบบทันทีทันใด ซึ่งปัจจุบัน IBS มีเครือข่ายการชำระเงินประจำภูมิภาคทั้งในยุโรป เอเชียกลาง เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา และภูมิภาคอื่น ๆ โดยเป็นตัวกลางเชื่อมโยงธนาคารกลางกับธนาคารพาณิชย์ในแต่ละประเทศซึ่งทำให้สามารถให้บริการชำระเงินและหักบัญชีได้หลากหลายสกุลเงินแบบทันทีทันใด ทั้งการบริการระหว่างประเทศ/ภูมิภาค เช่น ในจีนและทั่วโลก