ถึงเวลาติดตั้งเครื่อง AED ในพื้นที่สาธารณะอย่างทั่วถึง เพื่อหยุดวิกฤตหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันมฤตยูเงียบคร่าชีวิตคนไทย

ศุกร์ ๑๖ ธันวาคม ๒๐๑๖ ๑๖:๕๒
ข่าวของ คุณ รังษี วงศ์ชัย พยาบาลจากโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ พยาบาลสาวชาวไทยที่ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวให้รอดชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันที่สถานีรถไฟฟ้าในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ถูกแชร์ในโลกออนไลน์เป็นจำนวนมากเมื่อช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาพร้อมกับคำชื่นชมถึงแนวทางในการช่วยเหลือเบื้องต้นคือการทำ CPR พร้อมกับการใช้งานเครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ (AED) เหตุการณ์ในลักษณะนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก! ก่อนหน้านี้ ลูกเรือ และ "พญ.มนัสนันท์ คงวิบูลยวุฒิ" วิสัญญีแพทย์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ที่ร่วมโดยสารเครื่องบินของสายการบินไทย ซึ่งออกเดินทางจากประเทศไทย มุ่งหน้าสู่ประเทศญี่ปุ่น ได้ให้ความช่วยเหลือ ชายสูงอายุชาวไทย ที่หมดสติระหว่างการเดินทางด้วยการทำ CPR สลับกับการใช้เครื่อง AED กระตุ้นหัวใจไว้ได้ด้วยเช่นกัน

ความสำเร็จในการช่วยฟื้นคืนชีพทั้ง 2 ครั้งนี้ ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า มาจากความรู้เรื่องวิธีการทำ CPR ของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ และการมีเครื่องAED เตรียมความพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน แต่ใช่ว่าความโชคดีนี้จะเกิดขึ้นในทุกครั้ง!เพราะจากสถิติ "ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน" ในแต่ละปีประเทศไทยมีประชาชนเสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันกว่า 54,000 คน เท่ากับว่าในทุกๆ 1 ชั่วโมงมีคนเสียชีวิตจากโรคหัวใจมากถึง 6 คน และเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยทุกเพศ ทุกวัย แต่หากผู้ป่วย ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที และถูกวิธีตามหลักห่วงโซ่การรอดชีวิต คือการช่วยเหลือด้วยการ CPR ประกอบกับการใช้เครื่อง AED ภายในระยะเวลา 4 นาทีหลังจากหัวใจหยุดเต้น ก็จะเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตของประชาชนที่หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันนอกสถานพยาบาลได้

นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า จากตัวอย่างของสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการเรียนรู้เรื่องการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน CPR และการติดตั้งเครื่อง AED ในพื้นที่สาธารณะที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมากเป็นเรื่องสำคัญที่สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันได้ ดังนั้นเราจะต้องช่วยกันผลักดันให้มีการติดตั้งเครื่อง AED ในพื้นที่สาธารณะให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยที่ผ่านมาสพฉ.ได้ร่วมกับมูลนิธิการแพทย์ฉุกเฉินญี่ปุ่น (Japan Emergency medical Foundation (JEMF)) ตั้งคณะทำงานทำการวิจัยเพื่อพิจารณาแนวทางการติดตั้งและการใช้งานเครื่องAED อย่างมีประสิทธิภาพ และมีการประกาศใช้แนวทางดังกล่าวไปแล้วในประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง สพฉ. ได้นำแนวทางและข้อเสนอแนะดังกล่าวมาปรับปรุงให้สอดคล้องกับประเทศไทย

สำหรับสถานที่ติดตั้งเครื่องAED เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลจะพิจารณาจากสถานที่ที่ประชาชนโอกาสเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันโดยส่วนใหญ่เป็นสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน อาทิ สถานีรถไฟ สถานีรถโดยสารประจำทาง สนามบิน ท่าเรือ บนเครื่องบิน และการขนส่งมวลชนที่มีระยะทางไกล (รถไฟหรือเรือโดยสาร) ฟิตเนส เซ็นเตอร์ สปอร์ตคลับ หรือ สนามกีฬาและการแข่งขันกีฬาจำนวนคนมาก ๆ รวมถึงสนามกอล์ฟ ห้างสรรพสินค้า และย่านร้านอาหารขนาดใหญ่ ที่มีคนมาใช้บริการประมาณ 5,000 คนต่อวัน หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ สถานที่สาธารณะขนาดใหญ่ ศูนย์กลางชุมชน สถานพยาบาล หรือสถานดูแลผู้สูงอายุ อพาร์ตเมนท์ที่มีผู้สูงอายุมากกว่า 50 คน โรงเรียน โดยเฉพาะสนามกีฬาของโรงเรียน บริษัท โรงงาน และสถานที่ให้บริการที่มีคนพลุกพล่าน สถานบันเทิง โรงแรมหรือศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ รวมทั้งพื้นที่ห่างไกลจากหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน เช่น เกาะ หรือหุบเขาลึก และที่ผ่านมา สพฉ.ก็ได้กระจายการติดตั้งเครื่อง AED ที่ได้รับการสนับสนุนมาจากภาคเอกชนในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่างๆ เหล่านี้ หากแต่ยังไม่เพียงพอเมื่อเทียบเท่ากับประเทศญี่ปุ่น ที่มีการติดตั้งเครื่อง AED ในพื้นที่สาธารณะมากถึง 600,000 เครื่องทั่วประเทศ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนควรมาร่วมช่วยกันผลักดันเรื่องนี้ให้เกิดอย่างเป็นรูปธรรมให้ได้

ทั้งนี้นอกจากการกระจายการติดตั้งเครื่อง AED ให้เพียงพอและทั่วถึงในพื้นที่สาธารณแล้วการเรียนรู้การใช้งานเครื่อง AED และการเรียนรู้การทำ CPR เพื่อช่วยในการฟื้นคืนชีพผู้ป่วยที่ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน โดยล่าสุด สพฉ.ได้จัดทำคู่มือสำหรับประชาชนในการช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉินที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันด้วยการใช้เครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจชนิดอัตโนมัติ หรือ เออีดีเพื่อให้ประชาชนได้ดาวน์โหลดไปอ่าน โดยประชาชนสามารถดาวน์โหลดคู่มือไปอ่านและเรียนรู้การทำ CPR และการใช้งานเครื่อง AED ด้วยตนเองได้ได้ที่ลิงค์นี้ http://www.thaiemsinfo.com/autopagev4/files/jkzA229Tue44812.pdf นอกจากนี้เรายังได้หารือกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อบรรจุหลักสูตรการเรียนรู้เรื่องการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน (CPR) ไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอบสำหรับเด็กๆ ด้วย

"หากเราสามารถร่วมกันผลักดันให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมทั้งการติดตั้งเครื่อง AED ในพื้นที่สาธารณะและการเรียนรู้การใช้งานเครือง AED กับการทำ CPR ในเบื้องต้นก็จะเป็นประโยชน์กับประชาชนจำนวนมากที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันได้ คุณภาพในการใช้ชีวิตของประชาชนในบ้านเมืองเราก็จะดีขึ้น โอกาสในการรอดชีวิตของประชาชนต่อภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันก็จะรอดมากขึ้นนั่นเอง "เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ