นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (กองทุนบัวหลวง) เปิดเผยว่า กองทุนบัวหลวงให้ความสำคัญเรื่องการส่งเสริมให้ผู้ลงทุนมีวินัยในการออมกับการลงทุน มีความรู้ความเข้าใจในทางเลือกของการลงทุนระยะยาว และเข้าใจแนวทางการบริหารกองทุนก่อนจะลงทุน ที่ผ่านมา กองทุนบัวหลวงสามารถสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดีได้ต่อเนื่องในระยะยาว ซึ่งเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้มีส่วนร่วมกับการสร้างความมั่งคั่งให้ท่านผู้ถือหน่วย และสิ่งที่ทำให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของเราทุกคนรู้สึกภาคภูมิใจมากขึ้นไปอีก ก็คือ การได้เห็นลูกค้าของเรารู้จักการวางแผนการเงินเพื่ออนาคต และได้มีสถานะทางการเงินที่ดีขึ้น ผ่านการลงทุนในกองทุนของเราอย่างสม่ำเสมอ
"การลงทุนที่หวังผลได้สูงๆ ในเวลาเพียงปีเดียวจะไม่ง่ายเหมือนในอดีต เพราะประเทศกำลังปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้มีกำลังส่งในรอบใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลา ผู้ลงทุนต้องเข้าใจและมีความอดทนมุ่งมั่นในการรอคอย เหมือนปลูกมะม่วงในวันนี้ มิอาจให้ผลได้ในเวลาเพียงปีสองปี ซึ่งเมื่อมีระยะเวลาลงทุนยาวนานพอก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากการขาดทุนลงได้ และจะได้รับโอกาสดีที่จะได้รับผลตอบแทนที่น่าพึงใจจากกำลังส่งจากโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจใหม่ๆ ในระยะยาว"
นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา Managing Director และ Chief Investment Officer กองทุนบัวหลวง กล่าวว่า ในทุกๆ ปี ตั้งแต่ปี 2555 กองทุนบัวหลวงได้นำเสนอ Investment Theme เพื่อให้ผู้ที่สนใจในกองทุนของเราได้เข้าใจและมองเห็นภาพว่า เรากำลังจะนำพาท่านไปในทิศทางใด ด้วยการกำหนด Theme การลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้าท่านเข้าใจและเห็นด้วยกับแนวทางเราแล้ว เราก็จะเดินทางไกลไปด้วยกันได้อย่างราบรื่น การเลือกกิจการที่จะลงทุน จะเน้น Theme การลงทุนในแต่ละปี ด้วยการต่อยอดจากปีก่อนๆ การที่กองทุนบัวหลวง Update Theme การลงทุนใหม่ทุกปี ก็เพื่อให้เข้ากับสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต และเพื่อทำให้ประสบความสำเร็จจากการลงทุนในระยะยาว โดย Theme การลงทุนที่ผ่านมา ได้แก่
ปี 2555 "บินแหลก บริโภคไม่อั้น"
ปี 2556 "ทุกอย่างสว่างไสว คุ้มกันภัยในชีวิตและทรัพย์สิน (Light up your life, protect your asset)
ปี 2557 "มีตรา ยั่งยืน โปร่งใส มีชัย ไปกับ AEC" (AEC, Brand Quality, Sustainability, Transparency)
ปี 2558 "วิถีใหม่เชื่อมโยงสายไหม เครือข่ายออนไลน์แสนสะดวก"
ปี 2559 "สูงวัย สุขสำราญ บริการ ปัจจัย 4"
กองทุนบัวหลวงให้ความสำคัญต่อโครงสร้างประชากรที่กำลังเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการพัฒนาใหม่ๆ อยู่ได้ตลอด ทำให้เกิดโอกาสการลงทุนในหลายๆ ด้าน ได้แก่
การขยายตัวของชนชั้นกลาง
การก้าวเข้าสู่สังคมเมือง (Urbanization) ของประเทศตลาดเกิดใหม่ทำให้รายได้ของประชนชนสูงขึ้น และการจับจ่ายใช้สอยสินค้าและบริการที่เป็นปัจจัย 4 ของคนกลุ่มนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เป็นแรงผลักดันและอุดหนุนการบริโภคในระยะยาว
สังคมผู้สูงวัย
กลุ่มผู้สูงวัย เป็นประชากรอีกกลุ่มที่จะเป็นกำลังหลักของการอุปโภคบริโภค ด้วยสัดส่วนกว่า 40% ของประชากร ในประเทศ อย่างเช่น ไทย สิงคโปร์ หรือจีน ล้วนแนวโน้มในลักษณะเดียวกัน และกำลังซื้อมหาศาล จะเป็นแรงหนุนความต้องการสินค้าบางประเภท โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าและบริการทางการแพทย์
อยู่ดี กินดี ดูดี สุขภาพดี
ด้วยรูปแบบการดำเนินชีวิต ค่านิยมของคนปัจจุบัน และความแพร่หลายของสื่อทุกรูปแบบ ทำให้การบริโภคปัจจัย 4 แบบเดิมๆ ถูกยกระดับคุณภาพมากขึ้นไปอีก กลายเป็นกระแส 'อยู่ดี กินดี ดูดี สุขภาพดี' เช่น ต้องการสินค้าและบริการที่เสริมบุคลิกภาพ การออกไปทานอาหารนอกบ้านที่หลากหลายมากขึ้น การตกแต่งบ้านหรือการปรับปรุงบ้าน รวมถึง เทรนด์การดูแลสุขภาพยังคงมาแรง
และในปี 2560 Theme การลงทุน ของกองทุนบัวหลวง คือ "ชีวิตสบายด้วยเทคโนโลยี ชีวิตดีด้วยพลังงานสะอาด"
"ในโลกทุกวันนี้ เทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นมาไม่เว้นวัน ค่านิยมของคนหนุ่มสาวยุคใหม่จำนวนมากมีความต้องการผู้ประกอบการ และนั่นทำให้เกิดการคิดค้นสินค้า บริการ รูปแบบใหม่ๆ หรือการสร้างสรรค์ช่องทางการเข้าถึงสินค้าใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เมื่อประกอบกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่มีการพัฒนา ก็เป็นตัวเร่งให้รูปแบบการทำธุรกิจในแทบจะทุกอุตสาหกรรมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น การอุปโภคบริโภค บริการด้านการเงิน การแพทย์ การค้าปลีก สื่อและความบันเทิงต่างๆ เป็นต้น เทคโนโลยีนั้นเป็นทั้งโอกาสของโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ แต่ในอีกแง่หนึ่ง ก็อาจเป็นความเสี่ยงสำหรับธุรกิจแบบดั้งเดิมด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ เทคโนโลยียังเป็นตัวที่ช่วยขจัดความไม่มีประสิทธิภาพของธุรกิจแบบดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นด้านการลดต้นทุนของทั้งบริษัทและตัวลูกค้าเอง การเพิ่มขอบเขตในการทำธุรกิจและการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ซึ่งในที่สุด ผู้บริโภคจะเป็นคนที่ได้รับประโยชน์โดยตรง จึงเป็นที่มาของวลี ชีวิตสบายด้วยเทคโนโลยี และเป็นอีกหัวใจสำคัญที่ทางกองทุนบัวหลวงนำมาใช้ในการช่วยหาแนวคิดและวิเคราะห์การลงทุน
อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่กำลังมาแรง จับต้องได้จริง และเรามองว่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในอนาคต ก็คือ การพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาด ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด เช่น แสงอาทิตย์ ลม นั้นลดลงอย่างมาก ทำให้เกิดการเร่งลงทุนในโรงไฟฟ้าประเภทนี้มากมายโดยเฉพาะในประเทศตลาดเกิดใหม่ ที่กำลังผลิตไฟฟ้ายังมีไม่เพียงพอต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ และในที่สุด พลังงานสะอาดนั้นอาจจะมีต้นทุนที่แข่งขันโดยตรงกับพลังงานรูปแบบเดิมก็เป็นได้ นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอร์รี่ให้มีต้นทุนต่ำลงจนเริ่มมีความเหมาะสมที่จะนำมาใช้ในการพาณิชย์ จะยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ภาครัฐสามารถเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดได้มากขึ้น เพราะจะสามารถแก้ไขความเสี่ยงของความไม่สม่ำเสมอในการจ่ายไฟของโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดได้ เราเชื่อว่า ในอนาคตอันใกล้ จะมีการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบด้านพลังงานจากภาครัฐมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นโอกาสให้กับผู้ประกอบการที่มีความพร้อมกับแนวทาง 'ชีวิตดีด้วยพลังงานสะอาด'
อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้ การวิเคราะห์ธุรกิจโดยนำปัจจัย ESG (Environment / Social Responsibility / Good Governance) ยังเป็นสิ่งที่กองทุนบัวหลวงให้ความสำคัญอยู่เสมอ เมื่อประกอบการการเลือกลงทุนในธุรกิจที่จะได้ประโยชน์จากความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ น่าจะช่วยเกื้อหนุนต่อผลตอบแทนจากการลงทุนของเราด้วยเช่นกัน" นายพีรพงศ์ กล่าว