ผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงการคลังและธนาคารกลางอาเซียน+3

พุธ ๒๑ ธันวาคม ๒๐๑๖ ๑๓:๓๐
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายบุญชัย จรัสแสงสมบูรณ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้เป็นผู้แทนกระทรวงการคลังเข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงการคลังและธนาคารกลางอาเซียน+3 (ASEAN+3 Finance and Central Bank Deputies' Meeting: AFCDM+3) เมื่อวันที่ 10-11 ธันวาคม 2559 ณ เมืองกุ้ยหยาง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีการหารือประเด็นด้านเศรษฐกิจการเงิน ดังนี้

1. ภาวะเศรษฐกิจโลกและสถานการณ์เศรษฐกิจในภูมิภาค ที่ประชุมได้หารือสถานการณ์เศรษฐกิจโลกร่วมกับผู้แทนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) และสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 (ASEAN+3 Macroeconomic Research Office: AMRO) โดยคาดว่า เศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะขยายตัวดีขึ้นจากปีนี้ โดยคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.4 แต่ก็มีความเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา การดำเนินนโยบายปกป้องทางการค้าของสหรัฐอเมริกาภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ ผลกระทบจากการถอนตัวของสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป ผลการเลือกตั้งในทวีปยุโรปหลายประเทศในปี 2560 และนโยบายการปรับสมดุลทางเศรษฐกิจของสาธารณรัฐประชาชนจีน สำหรับเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน+3 นั้นยังคงสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องใกล้เคียงกับปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกอาเซียนที่จะเติบโตได้ดีกว่าปีที่แล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการดำเนินนโยบายต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่เศรษฐกิจของสาธารณรัฐประชาชนจีน จะชะลอตัวต่อเนื่องในปีหน้า อย่างไรก็ดี ภูมิภาคอาเซียน+3 ยังคงต้องเผชิญความเสี่ยงจากการดำเนินนโยบายของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกนอกภูมิภาคและการอ่อนค่าของเงินสกุลท้องถิ่น รวมถึงความเสี่ยงของการเพิ่มขึ้นของหนี้ภาคเอกชน ดังนั้น ประเทศอาเซียน+3 จึงเห็นพ้องที่จะต้องดำเนินนโยบายเศรษฐกิจอย่างรอบคอบเพื่อรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ในขณะเดียวกันก็ต้องเร่งแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว

2. การเพิ่มประสิทธิภาพกลไกการให้ความช่วยเหลือทางการเงินภายใต้มาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation: CMIM) ซึ่งเป็นกลไกความช่วยเหลือทางการเงินของภูมิภาคอาเซียน+3 มีขนาดวงเงินช่วยเหลือรวม 240 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อป้องกันและบรรเทาผลกระทบจาก วิกฤตเศรษฐกิจ โดยที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับ (1) การเตรียมความพร้อมของกลไก CMIM หากมีสมาชิกขอรับความช่วยเหลือ (2) การพัฒนากลไกการให้ความช่วยเหลือเพื่อป้องกันการเกิดวิกฤต (CMIM Precautionary Line)

(3) ความเป็นไปได้ในการเพิ่มสัดส่วนการให้ความช่วยเหลือของ CMIM กรณีสมาชิกไม่เข้าโครงการให้ความช่วยเหลือของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund De-linked Portion) และ (4) แผนการทบทวนหลักการสำคัญของ CMIM

3. การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของ AMRO ซึ่งเป็นองค์การระหว่างประเทศในระดับภูมิภาคที่ทำหน้าที่วิเคราะห์ ติดตาม และเฝ้าระวังเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกอาเซียน+3 โดยที่ประชุมได้ให้

ความเห็นชอบยุทธศาสตร์การดำเนินงานของ AMRO แผนการดำเนินงานในปี 2560 และแนวทางการบริหารองค์กรด้านต่าง ๆ เพื่อทำให้ AMRO เป็นองค์กรที่ปรึกษาให้กับประเทศสมาชิกอาเซียน+3 ที่มีความเป็นอิสระ น่าเชื่อถือ และเป็นมืออาชีพ

4. มาตรการริเริ่มพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย (Asian Bond Markets Initiative: ABMI)

ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาตลาดพันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่นของภูมิภาคอาเซียน+3 ให้เป็นแหล่งระดมเงินทุนและเป็นทางเลือกในการออม โดยมีความคืบหน้าหลัก ได้แก่ การดำเนินงานของกลไกการค้ำประกันเครดิตและการลงทุน (Credit Guarantee and Investment Facility: CGIF) ของภูมิภาคอาเซียน+3 ซึ่งได้ค้ำประกันการออกตราสารหนี้สกุลเงินท้องถิ่นของบริษัทเอกชนในภูมิภาคอาเซียน+3 เพื่อเพิ่มระดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ และการดำเนินโครงการประสานกฎเกณฑ์การออกตราสารหนี้สกุลเงินท้องถิ่นของภูมิภาคอาเซียน+3 (ASEAN+3 Multi-Currency Bond Issuance Framework: AMBIF) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการออกตราสารหนี้ข้ามพรมแดนในภูมิภาคอาเซียน+3

อนึ่ง ในช่วงเช้าของวันที่ 10 ธันวาคม 2559 AMRO ได้จัดการประชุม ASEAN+3 Financial Forum ซึ่งเป็นเวทีหารือของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของภูมิภาคอาเซียน+3 นักวิชาการ และผู้แทนจากองค์การระหว่างประเทศ ภายใต้หัวข้อ East Asia in a Dynamic New World โดยได้เน้นย้ำความสำคัญของการสร้าง

ความแข็งแกร่งให้กับ CMIM ซึ่งเป็นโครงข่ายความปลอดภัยทางการเงินของภูมิภาค และสนับสนุนให้ AMRO

มีบทบาทมากขึ้น

การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงการคลังและธนาคารกลางอาเซียน+3 ในครั้งนี้

เป็นการหารือร่วมกันระหว่างประเทศอาเซียน+3 และ AMRO ซึ่งทำให้เห็นประเด็นความท้าทายของเศรษฐกิจโลกและภูมิภาคที่ประเทศสมาชิกรวมทั้งไทยควรคำนึงถึงในการกำหนดนโยบาย นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือเกี่ยวกับทิศทางและบทบาทของ CMIM ที่เหมาะสมในอนาคต ซึ่งจำเป็นต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องต่อไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ