ดร.กนกวรรณ ว่องวัฒนะสิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอพี เพย์เมนท์ โซลูชั่น จำกัด เผยว่า "หลังนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศใช้โมเดล ประเทศไทย 4.0 ปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่ "Value-Based Economy" หรือเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันที่มีการใช้เทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของการใช้ แอพพลิเคชั่นบนมือถือเพิ่มมากขึ้นหลังการให้บริการ 4G ขยายตัว เราจึงมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ เปิดให้บริการระบบกระเป๋าสตางค์อิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า อี-วอลเลท (E-Wallet) ภายใต้แบรนด์ Pay For U (เพย์ฟอร์ยู) ที่ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าและบริการผ่านระบบคิวอาร์เพย์ (QR Pay) บนแอพพลิเคชั่นบนมือถือซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศจีนและอินเดีย"
นับตั้งแต่ปี 2554 ที่ทางบริษัทได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจผู้ให้บริการการชำระเงินทางอินเตอร์เน็ตจากคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ บริษัทได้ศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค ในการจับจ่ายใช้สอยมาอย่างต่อเนื่อง และได้ทดลองเปิดให้บริการ E-Wallet อย่างไม่เป็นทางการ ในปี 2558 ทำให้มีฐานข้อมูล รับรู้และเข้าใจในความต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยในปี 2559 นี้ได้เตรียมงบกว่า 20 ล้านบาท ในการผลักดันแอพพลิเคชั่นนี้เข้าสู่กลุ่มเป้าหมายผ่านสื่อออนไลน์และออฟไลน์ โดยลูกค้าที่ใช้งาน Pay For U นอกจากจะได้รับการบริการที่สะดวกและรวดเร็วแล้ว ในส่วนลูกค้ากลุ่มธุรกิจยังจะสามารถลดต้นทุนในการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าโดยที่ไม่ต้องลงแพลตฟอร์มบนมือถือที่มีค่าใช้จ่ายสูงอีกด้วย ซึ่งเป็นไปตามแนวคิด B2BC คือการสร้างธุรกิจเพื่อเป็ นโอกาสให้กับธุรกิจทุกขนาด ทั้ งในระดับมหาชนจนถึงระดับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นโอกาสในการสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ การขยายต่อยอดธุรกิจ และ ที่สำคัญโอกาสในการสร้างนวัตกรรมทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อรองรับการกำเนิดธุรกิจรูปแบบใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นายบัณฑิต ว่องวัฒนะสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอพี เพย์เมนท์ โซลูชั่น จำกัด กล่าว เสริมว่า "นอกจากความสะดวก ใช้งานง่าย ผู้ใช้บริการ Pay For U ยังจะได้สัมผัสกับเทคโนโลยี ระดับเวิลด์คลาสด้วยระบบความปลอดภัย SSL(Secure Socket Layer) มาตรฐานเดียวกับที่ใช้ ในประเทศสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังมีระบบ 3D Secure ซึ่งเป็นระบบมาตรฐานเดียวกับธนาคารระบบบัตรเครดิตและเดบิต พร้อมเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ งานด้วยระบบ OTP (One Time Password) คือ ชุดรหัสผ่านใช้ครั้งเดียวที่ ระบบของเราสร้างขึ้นเพื่อความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ต ดังนั้นจะเห็นได้ว่ามี การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้ สอดคล้องต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค แต่ Pay For U ไม่ใช่เป็นเพียงอีวอลเลทที่มีมาตรฐานด้านความปลอดภัยและการให้บริการที่สูงเท่านั้น แต่เป้าหมายของเราคือการทำให้ Pay For U กลายเป็น Digital Life and Business Platform ที่สมบูรณ์แบบ และเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตและการสนุกกับชีวิตในอนาคตอันใกล้"
ความน่าสนใจของ Pay For U โมบายแอพพลิเคชั่นนี้ คือใช้งานง่าย และเปิดให้ดาวน์โหลดฟรี ผ่านระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) และไอโอเอส (iOS) อีกทั้งยังออกแบบให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย เพื่อให้สามารถเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งได้อย่างเต็มอิ่มกับ ยูนีค ออนไลน์ พลาซ่า ( Unique online plaza ที่เป็นแหล่งรวมสินค้าสุดพิเศษที่สามารถซื้อได้ผ่านทาง เพย์ฟอร์ยู วอลเลท เท่านั้น โดยเน้นเป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน สินค้าหมวดไลฟ์สไตล์, เทรนดี้, อุปกรณ์ไอที, แกดเจท, สินค้าเพื่อการเกษตร รวมถึงบริการพิเศษ อย่างการจองตั๋งเครื่องบินของสายการบินต่างๆ ทั่วโลก ทำให้ผู้บริโภคมีความสะดวกสบาย ไม่ต้องยุ่งยากในการค้นหา ซึ่งจุดเด่นของ Pay For U ที่ทำให้เราแตกต่างจากผู้เล่นอื่นๆ ในตลาดคือเรื่องความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลก และเป็นที่มาของนิยามของ "เพย์ฟอร์ยู อีวอลเลทเอสคลาส" ที่ประกอบไปด้วย 3Sดังนี้
Secured หรือความปลอดภัยเทียบเท่ามาตรฐานโลกถึง 3 ระดับ ได้แก่ SSL หรือ Security Socket Layer ซึ่งเป็นระบบมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดระดับเดียวกับสถาบันการเงินระดับโลก 3DSecure เป็นระบบความปลอดภัยสูงสุดระบบเดียวกับที่ใช้กับบัตรเครดิตและบัตรเดบิตและ Entrust verify เป็นระบบความปลอดภัยระดับบุ คคลที่ทำให้มั่นใจได้ในการอนุมัติทุก การใช้จ่าย
Satisfied หรือความพึงพอใจด้วยความพร้อมในการให้บริการในความช่วยเหลือจากปัญหาการใช้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
Stylish หรือการสร้างสไตล์ให้กับชีวิต
เรียกว่าเป็นความพร้อมในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่ยุคโมเดล "ประเทศไทย 4.0" ซึ่ง Pay For U จะเป็นนวัตกรรมแรกที่บริษัทจะนำมาให้ได้สัมผัสและใช้ได้จริง นั่นคือ QR Pay ซึ่งเทคโนโลยีนี้ได้เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันแล้วในหลายประเทศ ซึ่งกำลังเป็นที่แพร่หลาย ในประเทศจีนและประเทศอินเดีย รวมถึงเร็วๆ นี้ที่จะมีการเปิดตัวที่สหรัฐอเมริกา แต่วันนี้เราจะเป็น ผู้เริ่มนำจะเทคโนโลยีสุดเทรนด์นี้มาใช้ให้เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย โดยบริษัทมีแผนที่จะขยายเปิดบริการรูปแบบต่างๆ ผ่านเทคโนโลยี QR pay เพิ่มอีก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ โดยบริษัทมั่นใจว่าธุรกิจจะเติ บโตและกระตุ้นให้รายได้แตะ 200 ล้านบาทภายในสิ้นปี 2017 พร้อมทั้งเป็นปัจจัยบวกผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตไปด้วยพร้อมกัน