ทั้งนี้สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้ธุรกิจสถาบันธนกิจ (Corporate and Institutional Banking) และพาณิชย์ธนกิจ (Commercial Banking) ที่มีเครือข่ายแข็งแกร่งและจุดเด่นด้านประสบการณ์การค้าระหว่างประเทศที่จะสามารถสนับสนุนลูกค้าในการทำธุรกิจในประเทศไทยและระหว่างประเทศ ซึ่งการตัดสินในครั้งนี้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจทั่วโลกของกลุ่มธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดที่ได้ประกาศไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558 ที่จะทบทวนแนวทางการดำเนินธุรกิจและปรับโครงสร้าง เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการปฏิบัติงานและเพิ่มผลตอบแทน ซึ่งรวมถึงการถ่ายโอนธุรกิจที่มีขนาดและขีดความสามารถทางการแข่งขันไม่เอื้อต่อการทำธุรกิจ
สำหรับ กลุ่มธุรกิจการเงินทิสโก้ ข้อตกลงทางธุรกิจในครั้งนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทฯ ในการเสริมความแข็งแกร่งด้านธุรกิจลูกค้ารายย่อย โดยจะช่วยเพิ่มขนาดของฐานลูกค้า เพิ่มผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการที่ครบวงจรมากยิ่งขึ้น และเพิ่มช่องทางการให้บริการ นอกจากนี้ ลูกค้าของธนาคารฯ ยังจะได้รับประโยชน์จากเครือข่ายที่กว้างขวางขึ้น การบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น อาทิ ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ ผลิตภัณฑ์เงินฝาก ผลิตภัณฑ์ประกัน การให้คำแนะนำด้านการเงินการลงทุน (Investment Advisory) และบริการด้านหลักทรัพย์
นายพลากร หวั่งหลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประจำธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) และสำนักงานตัวแทน กล่าวว่า"ในส่วนของธุรกิจธนาคารบุคคลธนกิจ (ลูกค้ารายย่อย - Retail Banking) ถึงแม้ว่าการดำเนินงานจะเป็นไปด้วยดี แต่มีขนาดของธุรกิจที่เล็กและยากที่จะแข่งขันกับธนาคารรายใหญ่ภายในประเทศ ภายหลังจากการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ธนาคารฯ จึงได้บรรลุข้อตกลงในการโอนธุรกิจธนาคารบุคคลธนกิจให้แก่ทิสโก้
เรายังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และจะลงทุนอย่างต่อเนื่องในธุรกิจสถาบันธนกิจ และพาณิชย์ธนกิจ ยุทธศาสตร์ของเราชัดเจน นั่นก็คือการมุ่งเน้นไปในธุรกิจที่เราสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าได้อย่างแท้จริง"
ข้อได้เปรียบของเราอยู่ที่เครือข่ายทั่วโลกที่แข็งแกร่งด้วยฐานการดำเนินธุรกิจที่ครอบคลุมกว่า 70 ประเทศทั่วทั้งเอเชีย แอฟริกา และตะวันออกกลาง นอกจากนั้นยังเราเป็นธนาคารระดับนานาชาติแห่งเดียวที่ดำเนินธุรกิจครบทั้งใน 10 ประเทศอาเซียน ซึ่งนอกจากจะใช้เป็นฐานในการสนับสนุนธุรกรรมของลูกค้าที่ต้องการขยายธุรกิจไปในกลุ่มประเทศอาเซียนแล้ว ยังสอดคล้องนโยบายของรัฐบาลในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นประตูสู่การค้าและการเชื่อมโยงกับตลาดอื่นๆ ในภูมิภาค
นอกจากนี้ เรายังมีจุดเด่นด้านการทำธุรกิจระหว่างประเทศ และสามารถให้การสนับสนุนแก่บริษัทที่ต้องการขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศและสำหรับบริษัทจากต่างประเทศที่ต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทอีกด้วย โดยสำหรับลูกค้าองค์กรต่างชาติในประเทศไทยนั้น บริการทางการเงินที่ครอบคลุมของเรายังจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจได้เป็นอย่างดี
นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าว:"การควบรวมธุรกิจลูกค้ารายย่อยของสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดในประเทศไทยเข้ามานั้น ถือเป็นการตอบโจทย์ด้านการทำธุรกิจของทิสโก้ได้เป็นอย่างดี และถือเป็นการต่อยอดแผนการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อรายย่อย ทั้งการขยายสาขา ช่องทางการให้บริการ และการเพิ่มผลิตภัณฑ์และการให้บริการที่ครบวงจรมากยิ่งขึ้น ทิสโก้เป็นผู้บุกเบิกธุรกิจสินเชื่อรายย่อยในประเทศไทย และการดำเนินธุรกิจมากว่า 47 ปี การผ่านพ้นวัฏจักรเศรษฐกิจเป็นข้อพิสูจน์ถึงการเติบโตที่ยั่งยืนและความเป็นผู้นำในตลาดได้เป็นอย่างดี เราพร้อมเปิดรับโอกาสใหม่ๆ ที่จะช่วยตอบสนองความต้องการทางการเงินของลูกค้าให้ครบวงจรมากขึ้น และในวันนี้เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้บรรลุข้อตกลงกับทางธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) โดยทั้งสองบริษัทฯ จะมุ่งมั่นในการให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในช่วงการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจครั้งนี้อย่างเต็มความสามารถ ท้ายที่สุดนี้ ความร่วมมือครั้งนี้จะยังประโยชน์มาสู่ลูกค้าให้มีทางเลือกของผลิตภัณฑ์ทางการเงินและบริการจากกลุ่มทิสโก้ที่ครบวงจรมากยิ่งขึ้น"
ขั้นตอนการถ่ายโอนธุรกิจนี้คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2560 ขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล