นายทรงพล ศรีวงศ์ทอง ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เบล็ส แอสเสท กรุ๊ป จำกัด (BAG) ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างยาวนานมากกว่า 10 ปี ภายใต้แบรนด์ เบล็ส วิลล์ (BLESS VILLE) และเบล็ส ทาวน์ (BLESS TOWN)เปิดเผยว่า มั่นใจอย่างยิ่งว่าปี 2559 บริษัทฯ จะสามารถทำรายได้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 400 ล้านบาท แม้ว่าในปีนี้จะมีผลกระทบจากหลายปัจจัย แต่ด้วยกลยุทธ์การตลาดและความยืดหยุ่นในการพัฒนาโครงการใหม่ออกมาตอบโจทย์ผู้บริโภคมากที่สุด ทำให้ทุกโครงการของบริษัทฯ ที่เปิดขายในปีนี้มีผลตอบรับที่ดีตลอดทั้งปี 2559
สำหรับมุมมองต่อภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2560 น่าจะเป็นอีกหนึ่งปีที่มีความท้าทายอย่างมาก แต่ด้วยบริษัทฯ ซึ่งเป็นรายเล็กของตลาดมีข้อได้เปรียบในการปรับกลยุทธ์ได้ง่ายกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ ดังนั้นมีความเชื่อมั่นว่าตลาดยังคงเติบโตได้ในอัตราประมาณ 5-10% โดยเฉพาะกลุ่มตลาดเรียลดีมานด์ ซึ่งมีความต้องการที่อยู่อาศัยที่พร้อมเข้าอยู่ทัน คาดว่าจะมาเร่งตัดสินใจซื้อในปี 2560 จำนวนมาก ขณะที่กลุ่มที่จะต้องระวังอย่างมาก คือตลาดการลงทุน กลุ่มผู้ซื้อเก็งกำไร
"ทิศทางปีหน้า น่าสนใจมากเพราะผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดมองว่าน่าจะทรงๆ ตัว แต่ในมุมมองของบริษัทฯ เชื่อว่าเราจะได้เห็นความต้องการตลาดเรียลดีมานด์อัดอั้นจากปีนี้ไหลสู่ปี 2560 จำนวนมาก หลังจากที่ปี 2559 ธนาคารพาณิชย์มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่ออย่างชัดเจน จนทำให้อัตราผู้กู้สินเชื่อบ้านไม่ผ่านมีสัดส่วนที่สูง เพราะแบงก์มีกังวลกับหลายๆ ปัจจัย ทั้งภาวะเศรษฐกิจไทยและต่างประเทศที่ไม่เอื้ออำนวย แต่อย่างไรก็ดีก็ส่งผลลบต่อผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์หลายแห่งที่ปีนี้ถือว่าพลาดเป้ามาก ดังนั้นบริษัทฯ เชื่อว่าปี 2560 ธนาคารพาณิชย์น่าจะมีนโยบายผ่อนคลายกฎเกณฑ์ด้านสินเชื่อออกมา เพื่อกระตุ้นตลาด และทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ฟื้นตัวจากปีนี้"
นายทรงพล กล่าวว่า ในปี 2560 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้จะแตะที่ 800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 100% จากรายได้ 400 ล้านบาทในปี 2559 ด้วยบริษัทฯ มีนโยบายสร้างบ้านเสร็จก่อนเปิดขายบางส่วน ออกมารองรับความต้องการของกลุ่มตลาดเรียลดีมานด์ที่ต้องการเข้าอยู่ทันทีและมีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้นในปี 2560 ประกอบกับบริษัทฯ มีแผนจะขยายการลงทุนประเภททาวน์โฮม ขนาด 2-3 ชั้น เจาะกลุ่มสตาร์ท-อัพ ภายใต้แบรนด์ เบล็ส วิลล์ (BLESS VILLE) และเบล็ส ทาวน์ (BLESS TOWN) บนทำเลใหม่เพิ่มอีก 2-3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 800-1,200 ล้านบาท
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังมีแผนงานด้านกลยุทธ์ในการพัฒนาสินค้าประเภทใหม่ๆ ออกมาตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทฯ ที่เน้นจับตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยในปี 2560 บริษัทฯ มีแผนจะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ประเภทโลว์ไรส์ (Low Rise) ในทำเลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงต้นปี ปัจจุบันได้เริ่มงานก่อสร้างไปแล้ว และคาดว่าจะเริ่มโอนได้ประมาณไตรมาส 4 ปี 2560 ในราคาที่รับรองว่าคุ้มค่าที่สุดตามนโยบายของบริษัทฯ ซึ่งในการทำสินค้าแต่ละราคาแต่ละทำเล มาจากการทำงานของทีมวิจัยที่มีการศึกษาตลาดและพัฒนาสินค้าที่ตอบสนองผู้บริโภคมากที่สุดในทุกทำเลที่เข้าไปลงทุน
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชมโครงการภายใต้การพัฒนาของบริษัทฯ พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร Call Center 086-677-3333 หรือเข้าดูรายละเอียดได้ที่ www.bagroup.co.th