นายแม่ทัพ ต.สุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) กำลังสำคัญในการสร้างปรากฏการณ์ธุรกิจขนมหวานในประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ นำหุ้นเข้าซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยใช้ชื่อย่อ 'AU' ในการซื้อขายบนกระดานหลักทรัพย์ ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน หลังจากก่อนหน้านี้ได้เสนอขายหุ้น IPOจำนวนทั้งสิ้น 165 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.10 บาท ให้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไปจองซื้อ ในราคาหุ้นละ4.50 บาท และได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด
ทั้งนี้ บมจ.อาฟเตอร์ ยู มีธุรกิจแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ธุรกิจร้านขนมหวาน 'อาฟเตอร์ ยู' และร้านน้ำแข็งไส 'เมโกริ' และธุรกิจรับบริการจัดงานนอกสถานที่รวมถึงการรับจ้างผลิตสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะขยายสาขาร้านขนมหวานเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีร้านอาฟเตอร์ ยูและเมโกริ รวม 20 สาขา เป็น 30 สาขาภายในปี 2561 โดยเน้นพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัดอยู่ระหว่างการศึกษา ซึ่งในการขยายสาขาจะต้องใช้ระยะเวลาคืนทุนไม่เกิน 1-2 ปี ขึ้นกับที่ตั้ง ขนาดพื้นที่และกำลังซื้อ รวมทั้งจะขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้ ได้วางแผนการติดตั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตภายในโรงงานเพิ่มขึ้นเพื่อทดแทนการใช้แรงงาน และปรับระบบการเช่าพื้นที่ขยายสาขาจากระยะสั้นเป็นระยะยาว รวมถึงการก่อสร้างสำนักงานใหม่ สถานที่ฝึกอบรมพนักงานและศูนย์กระจายสินค้า ในย่านพัฒนาการ ตลอดจนพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
"หลังจากเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ แล้ว เรามีเป้าหมายที่จะก้าวเป็นผู้นำในธุรกิจขนมหวานและเบเกอรี่ครบวงจร ทั้งการขยายสาขาในไทย หัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด โดยบริษัทฯ มีนโยบายมุ่งเน้นการคิดค้นเมนูที่มีความแปลกใหม่เป็นนวัตกรรมด้านขนมหวานอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างและหลากหลาย อีกทั้งเรายังมีความพร้อมด้านกำลังผลิต หลังจากที่ได้ย้ายการผลิตจากโรงงานครัวกลางเดิมบนถนนพัฒนาการ มายังโรงงานครัวกลางแห่งใหม่ภายในนิคมอุตสาหกรรมสินสาคร จ.สมุทรสาคร มีพื้นที่ใช้สอย 5,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับการเติบโต" นายแม่ทัพ กล่าว
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า อาฟเตอร์ ยู มีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำธุรกิจขนมหวานและเบเกอรี่ครบวงจร สะท้อนจากผลการดำเนินงานของ บมจ.อาฟเตอร์ ยู ที่เติบโตอย่างโดดเด่น โดยในปี 2556-2558 มีรายได้รวม 188.9 ล้านบาท 311.6 ล้านบาท และ 414.9 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 48.2% และมีกำไรสุทธิ 5.6 ล้านบาท45.8 ล้านบาท และ 57.5 ล้านบาทตามลำดับ ส่วนในงวด 9 เดือนแรกที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ย. 2559) มีรายได้รวม 440.9 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 54.1% ที่มีรายได้รวม 286.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 75 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน101.6% ที่มีกำไรสุทธิ 37.2 ล้านบาท
โดยผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกที่ผ่านมาที่เติบโตอย่างโดดเด่นนั้น มีปัจจัยมาจากยอดขายสาขาเดิมที่เพิ่มขึ้น14.5% จากความนิยมในเมนูน้ำแข็งไสคากิโกริและการออกเมนูใหม่ๆ ที่ส่งผลให้มีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นและลูกค้าเดิมเข้ามาใช้บริการซ้ำการขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้น 6 สาขาเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุน ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น