วายแอลจี มองราคาทองคำปี 60 อยู่ที่ 1,090– 1,260 ดอลลาร์/ออนซ์ พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุน ชี้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย-นโยบายโดนัลด์ ทรัมป์ กดดันราคาทอง

พฤหัส ๒๙ ธันวาคม ๒๐๑๖ ๑๒:๓๔
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยถึง ภาพรวมการเคลื่อนไหวของราคาทองคำตลาดโลกในปี 2559 โดยในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องและขึ้นไปแตะจุดสูงสุดของปีที่ระดับ 1,375 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งประเด็นหลักที่ช่วยหนุนราคาทองคำ ได้แก่ การชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด และการทำประชามติของสหราชอาณาจักรที่ต้องการออกจากสหภาพยุโรปหรือ EU (Brexit) ตลาดจนความไม่แน่นอนทางการเมืองจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพฤศจิกายน จนกระทั่งในไตรมาส 4 ราคาทองมีการปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลังนักลงทุนเชื่อมั่นว่านโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะช่วยหนุนภาวะเศรษฐกิจและหนุนอัตราเงินเฟ้อให้ปรับตัวสูงขึ้น ปัจจัยดังกล่าวถือเป็นปัจจัยบวกต่อสกุลเงินดอลลาร์และสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะตลาดหุ้น นอกจากนี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมวันที่ 13-14 ธันวาคมพร้อมทั้งส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2560 แทนที่จะปรับขึ้นเพียง 2 ครั้งตามที่คาดการณ์ไว้ในเดือนกันยายน ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีและเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันให้ราคาทองปรับตัวลดลงเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำตลาดโลกในปี 2559 (ณ 27 ธ.ค.59) ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 78.14 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 7.4% จากราคาเปิดในช่วงต้นปี 2559 ที่ 1,060.71 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีกรอบการเหวี่ยงตัวจากจุดต่ำสุดถึงจุดสูงสุดในระดับ 314.29 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 30% จากราคาเปิด ขณะที่ราคาทองคำในประเทศนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันถึง 1,200 บาทต่อบาททองคำ หรือ ประมาณ 6.5%

นางพวรรณ์ กล่าวว่า สำหรับภาพรวมราคาทองคำในตลาดโลกปี 2560 วายแอลจีประเมินกรอบความเคลื่อนไหวราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,090 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 18,600 บาทต่อบาททองคำ และแนวต้านอยู่ที่ 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 21,500 บาทต่อบาททองคำ โดยเบื้องต้นจับตาแนวรับบริเวณ 1,090 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนได้อย่างแข็งแกร่งยังมีโอกาสที่ราคาทองคำจะขยับขึ้นและทดสอบแนวต้าน 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่ผ่านจะมีการอ่อนตัวลงเพื่อตั้งฐานราคาอีกครั้ง แต่หากผ่าน 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ราคาทองคำมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นต่อเพื่อทดสอบแนวต้านสำคัญถัดไปในโซน 1,250-1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากราคาทองคำสามารถกลับไปยืนเหนือโซนดังกล่าวได้มีโอกาสทดสอบ High เดิมของปี 2559 บริเวณ 1,375 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตาม หากราคาทองคำหลุดแนวรับระดับ 1,090 ดอลลาร์ต่อออนซ์จะส่งผลให้เกิดแรงขายและกดดันให้ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวลงต่อเพื่อทดสอบทดสอบ Low ของปี 2558บริเวณ 1,045 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ส่วนกลยุทธ์การลงทุนนั้น แนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณแนวรับ และรอไปขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นไปหรือตามบริเวณแนวต้านต่างๆ อย่างไรก็ตามวายแอลจีเน้นย้ำว่านักลงทุนระยะสั้นควรวางแผนการลงทุนที่ชัดเจน มีจุดเข้าซื้อ จุดขายทำกำไร หรือจุดตัดขาดทุน และปฏิบัติตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด

สำหรับประเด็นหลักที่อาจเป็นปัจจัยกดดันความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปี 2560 คือ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ 3 ครั้งตามคาดหรือปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่รวดเร็วมากกว่า 3 ครั้งอาจยิ่งหนุนให้สกุลเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรให้พุ่งขึ้นซึ่งเป็นปัจจัยหนักที่จะกดดันราคาทองคำ นอกจากนี้การคาดการณ์ในเชิงบวกต่อนโยบายของนาย โดนัลด์ ทรัมป์จะกระตุ้นความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงของนักลงทุนต่อเนื่องในปีหน้าซึ่งความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้เกิดแรงขายทองคำที่อยู่ในสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นกัน ทั้งนี้ นับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเป็นต้นมา กองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีการลดการถือครองทองคำต่อเนื่องมากกว่า 130 ตันสะท้อนความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่ลดลง ตลอดจนอุปสงค์ทองคำในจีนและอินเดียที่อาจซบเซาต่อเนื่องซึ่งทำให้ราคาทองคำขาดปัจจัยหนุนและกดดันการฟื้นตัวของราคาทองคำในปีหน้าได้

ทั้งนี้ยังคงมีปัจจัยบวกที่จะสนับสนุนราคาทองคำได้ คือ นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ นางเทเรซา เมย์ จะเริ่มต้นกระบวนการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป(อียู) หรือ Brexit ก่อนสิ้นเดือนมีนาคม 2017 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเจรจาที่จะต้องเสร็จสิ้นภายใน 2 ปี คือต้นปี 2019 และหากการเจรจาในปี 2017 เป็นไปอย่างไม่ราบรื่นอาจกลับมาหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้ และถึงแม้การเจรจาจะราบรื่นโดยอังกฤษได้รับเงื่อนไขที่ดีเมื่อออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป ก็จะยิ่งกระตุ้นให้อีกหลายประเทศในสหภาพยุโรปทั้ง เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สเปน ต้องการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปเช่นกันซึ่งความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นจะส่งผลหนุนราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยตลาดจนความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรป ซึ่งในปี 2017 จะมีการจัดการเลือกตั้งทั้งในเยอรมัน, ฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์ หากเกิดการพลิกขั้วอำนาจทางการเมืองไปสู่พรรคการเมืองฝ่ายขวาจัดก็อาจนำมาซึ่งการจัดทำประชามติขอแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปทั้งในฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์ได้ นอกจากนี้หากในปีหน้าธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้น้อยกว่าคาดการณ์ที่ 3 ครั้ง หรือหากนโยบายอย่างเป็นทางการของนายโดนัล ทรัมป์สร้างความผิดหวังและทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลงอาจส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าและหนุนราคาทองคำให้ฟื้นตัวได้เช่นกัน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version