นายสุวัชชัย วงษ์เจริญสิน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.แอล.กรุ๊พ จำกัด (มหาชน) หรือ CPL ผู้นำอุตสาหกรรมฟอกหนังสำเร็จรูปรายใหญ่ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นกิจการในกลุ่มบริษัทเจริญสิน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา มีมติให้บริษัทฯ ดำเนินการควบรวมกิจการกับบริษัท แพงโกลิน เซฟตี้ โปรดักส์ จำกัด โดยใช้วิธีการออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อจัดสรรเป็นการเฉพาะเจาะจงให้แก่แพงโกลินเป็นค่าตอบแทนในการรับโอนกิจการ โดยได้มีมติให้บริษัทฯ ดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 264 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 10 บาท เป็น 418.9 ล้านบาท ด้วยการออกหุ้นใหม่จำนวน 15,489,942 หุ้น ที่ราคาประมาณหุ้นละ 34.28 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 531 ล้านบาท ซึ่งจากการทำรายการดังกล่าวจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มวงษ์เจริญสินใน CPL เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 51.27 เป็นร้อยละ 69.29 กลุ่มวงษ์เจริญสินจึงได้ประกาศเจตนาที่จะทำคำเสนอซื้อหุ้นของบริษัท (เทนเดอร์ ออฟเฟอร์) พร้อมกันนี้ บริษัทฯ กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อขอมติในการควบรวมกิจการดังกล่าวในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560
"การควบรวมกิจการระหว่าง CPL และแพงโกลิน เป็นการควบรวมในลักษณะโอนกิจการทั้งหมด หรือ Entire Business Transfer (EBT) ของแพงโกลินเข้ามารวมกับ CPL ซึ่งภายหลังการควบรวม จากเดิมที่มีอยู่ 2 บริษัท ก็จะเหลือ CPL เพียงบริษัทเดียว ซึ่งแน่นอนว่า การควบรวมครั้งนี้จะทำให้ขนาดสินทรัพย์ของ CPL เพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจของ CPL จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งแรกในรอบเกือบ 22 ปี นับตั้งแต่บริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อปี 2537 โดยบริษัทฯ จะดำเนินธุรกิจครบวงจรจากขั้นต้นน้ำไปถึงขั้นปลายน้ำ จากเดิมที่ CPL ดำเนินธุรกิจผลิตหนังฟอกสำเร็จรูปรายใหญ่ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อป้อนให้กับผู้ผลิตรองเท้าแบรนด์ชั้นนำของโลก ก็จะขยายไปสู่การเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์เซฟตี้และอุปกรณ์นิรภัยส่วนบุคคล ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของแพงโกลิน ที่เป็นสินค้าขั้นปลายน้ำอีกด้วย" นายสุวัชชัยกล่าว
ทั้งนี้ บริษัท แพงโกลิน เซฟตี้ โปรดักส์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์เซฟตี้ อุปกรณ์นิรภัยส่วนบุคคลครบวงจรตามมาตรฐานสากล อาทิ อุปกรณ์ป้องกันเท้าและอุปกรณ์ป้องกันศีรษะ ภายใต้ตราสินค้าแพงโกลิน รวมถึงอุปกรณ์ป้องกันดวงตาและใบหน้า อุปกรณ์ป้องกันระบบทางเดินหายใจ อุปกรณ์ป้องกันการตกจากที่สูง ป้องกันเสียงและป้องกันร่างกาย เป็นต้น โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 ที่ผ่านมา แพงโกลินมีรายได้จากการขาย 445.2 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 36.6 ล้านบาท โดยสินค้าของแพงโกลินได้รับการยอมรับในระดับมาตรฐานสากล ขณะที่รองเท้าเซฟตี้ของแพงโกลิน สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในสินค้าประเภทเดียวกัน สำหรับลูกค้าหลักของแพงโกลิน เป็นกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ และรัฐวิสาหกิจทั่วประเทศ อีกทั้งยังมีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในภูมิภาคอินโดจีน รวมทั้งส่งออกสินค้าไปยังหลายประเทศทั่วโลก
รองกรรมการผู้จัดการ CPL กล่าวด้วยว่า มั่นใจว่าการควบรวมกับแพงโกลิน ซึ่งเป็นผู้นำในการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์เซฟตี้ ที่มีการเติบโตตามอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศ จะทำให้ CPL สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด และจะสามารถสร้างความแข็งแกร่งให้กับ CPL ได้อย่างแน่นอน