กำธร ศิลาอ่อน รองผู้จัดการใหญ่อาวุโสสายการผลิตและซัพพลายเชน บมจ.เอส แอนด์ พี ซินดิเคท กล่าวถึงการลงทุนครั้งสำคัญนี้ว่า "ในฐานะองค์กรภาคธุรกิจผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหาร เอส แอนด์ พี ตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการคำนึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมาเราจัดโครงการลดการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่องทุกปี อาทิ โครงการเปลี่ยนหลอดไฟแสงสว่างจากฟลูออเรสเซ้นต์เป็น LED T18W จำนวน 2,000 หลอด ในปี 2557 และโครงการควบคุมการทำงาน Motor Air Blower ของหน่วยงานบ่อบำบัดน้ำเสีย ในปี 2558 สำหรับในปีนี้ เราได้รับการสนับสนุนเงินกู้เพื่อการลงทุนจำนวน 28 ล้านบาทจาก 'ธนาคารกสิกรไทย' และเลือกใช้แผงโซลาร์เซลล์ ขนาด 510 กิโลวัตต์ จาก 'บริษัท โซลาร์ ดี คอร์เปอเรชั่น จำกัด' เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้า และยังสามารถผลิตเป็นพลังงานสะอาดซึ่งเป็นอีกหนึ่งพลังงานทางเลือกที่จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อันเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับศักยภาพโรงงาน ด้วยการควบคุมต้นทุนการผลิตให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด และยังคงความสามารถในการผลิตและความพร้อมในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ของเอส แอนด์ พี แก่ลูกค้า ควบคู่ไปกับการรักษาความสมดุลของสิ่งแวดล้อม ถือเป็นการตอกย้ำวิสัยทัศน์ให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น สำหรับผลิตภัณฑ์เอส แอนด์ พี ที่ผลิตภายในโรงงานแห่งนี้ อาทิ เค้กกล้วยหอม บัทเทอร์เค้ก มาร์เบิ้ลเค้ก พัฟ พาย คุ้กกี้ ขนมไหว้พระจันทร์ และพิซซ่า"
ในการดำเนินงานครั้งนี้ 'เอส แอนด์ พี' ได้รับการติดตั้งแผงโซลาร์รูฟ ขนาด 510 กิโลวัตต์ โดยสามารถผลิตไฟฟ้าได้ปีละ 720,000 หน่วย บนพื้นที่ของหลังคาโรงงานขนาด 2,700 ตร.ม. ซึ่งปัจจุบันโรงงานผลิตเบเกอรี่บางนาแห่งนี้ มียอดการใช้ไฟฟ้าถึงปีละ 15 ล้านบาท ในการติดตั้งโซลาร์รูฟดังกล่าว เอส แอนด์ พี คาดหวังว่าจะสามารถลดค่าไฟฟ้าภายในโรงงานช่วงพีคคือในเวลากลางวันได้ถึง 3 ล้านบาทต่อปี คิดเป็นร้อยละ 20 เนื่องจากเป็นการลดความร้อนในตัวอาคาร ซึ่งจะช่วยลดภาระเครื่องทำความเย็น อีกทั้งยังเป็นการช่วยโลกในการลด Carbon Footprint ของภาคธุรกิจได้ถึงปีละ 390 Ton CO2e ต่อปี หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ถึง 15,000 ต้น