นายชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบริหารช่องทางจัดจำหน่าย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด ("บลจ.แมนูไลฟ์") กล่าวว่า "บลจ.แมนูไลฟ์ ขอขอบคุณผู้ลงทุนทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจและลงทุนในกองทุน MS-CORE LTF ในปีที่ผ่านมา และต้องขอขอบคุณพันธมิตรทางธุรกิจทั้งหลายรวมถึงผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ที่ได้จัดอันดับให้กองทุน MS-CORE LTF เป็นหนึ่งใน "กองทุนแนะนำ" อันเป็นส่วนช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากผู้ลงทุนเพิ่มมากขึ้น"
นายชัยเกษม กล่าวเพิ่มเติมว่า "กองทุน MS-CORE LTF เป็นกองทุนตอบโจทย์การลงทุนระยะยาวซึ่งเน้นความสม่ำเสมอของการสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่องยาวนานมากกว่าผลตอบแทนที่ดีมากๆและหวือหวาในช่วงสั้นทำให้กองทุน MS-CORE LTF ติดอันดับ Top 5 ของ LTF ที่มีความสม่ำเสมอในการสร้างผลตอบแทนเอาชนะดัชนีชี้วัด (Benchmark) ได้มากที่สุดหรือค่า Batting Average สูงที่สุดในรอบ 3 ปีและ 5 ปีที่ผ่านมา1
กองทุน MS-CORE LTF เป็นกองทุนที่มีรูปแบบการลงทุนแบบ CORE model คือเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ (Large Cap) ที่มีศักยภาพในการเติบโตของความสามารถในการทำกำไรในอนาคต (Growth Stocks) โดยจะเลือกลงทุนในหุ้นเพียง 25-35 ตัวเท่านั้นทำให้ผู้จัดการกองทุนให้ความสำคัญกับการคัดเลือกหุ้นรายตัว (Stock Selection) เป็นอย่างมากเพื่อให้มั่นใจว่าหุ้นที่จะลงทุนนั้นเป็นหุ้นที่ดีและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมให้แก่กองทุนได้ ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ากระบวนการลงทุนของแมนูไลฟ์ที่มีหลักการชัดเจนและการบริหารการลงทุนอย่างมีวินัยทำให้กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่องและติด Top Charts ดังกล่าวข้างต้น โดยมีผลตอบแทนรายปี (annualized) ย้อนหลัง 3 ปีและ 5 ปี ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2559 อยู่ที่ 10.00 เปอร์เซ็นต์ต่อปี และ 13.19 เปอร์เซ็นต์ต่อปีเทียบกับดัชนี SET50 TRI ที่ 6.41 เปอร์เซ็นต์ต่อปี และ 9.58 เปอร์เซ็นต์ต่อปีตามลำดับ"
สำหรับมุมมองด้านการลงทุนในตลาดหุ้นไทย นางสาว จินตนา เมฆินทรางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์ว่า "SET Index มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปบริเวณ 1,600-1,650 จุด จากทิศทางของราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้นสูงกว่าปี 2559 รวมถึงเม็ดเงินลงทุนในการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ที่มีความคืบหน้าเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ อย่างไรก็ตาม ทิศทางอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอาจจะทำให้เกิดความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุนและการปรับตัวของตลาดหุ้นรุนแรงขึ้น ซึ่งผู้ลงทุนต้องจับตาดูการดำเนินนโยบายของประเทศใหญ่ๆ อย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดี ผลกระทบจากความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุนสำหรับประเทศไทยนั้นคาดการณ์ว่าน่าจะเบาบางกว่าประเทศเพื่อนบ้านเนื่องจากทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจลงทุนในช่วง 3-12 เดือนข้างหน้านี้ คือ กลุ่มพาณิชย์ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มที่ได้รับประโยชน์ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น"
นายชัยเกษม กล่าวทิ้งท้ายว่า "ลงทุนในกองทุน LTF หรือ RMF นั้นไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงปลายปีก่อนแล้วค่อยซื้อ ท่านสามารถเริ่มทยอยลงทุนได้ตั้งแต่ต้นปีหรือลงทุนเป็นรายเดือนทุกเดือนก็ได้เช่นกัน โดยท่านสามารถสมัครใช้บริการ Manulife Savings Plan (MSP) เพื่อทำรายการซื้อหน่วยลงทุนอัตโนมัติทุกเดือนในวันที่ใดๆ ก็ได้ ที่ท่านเลือก ด้วยจำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ 2,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น หากท่านสนใจลงทุนหรือสมัครใช้บริการ MSP สามารถติดต่อมาที่ บลจ.แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) โดยตรงหรือผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนที่ได้รับแต่งตั้ง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 0-2246-7650 กด 2 หรือสามารถดูข้อมูลผ่านเว็บไซต์ของบริษัทจัดการได้ที่ www.manulife-asset.co.th"
1 ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 ที่มา: บทความของ Morningstar (Thailand) เผยแพร่บนเว็บไซต์ www.morningstarthailand.com เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2559)