นายคาเนสวรัน อาวิลิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง นิด้า รูมส์ ผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรมเวอร์ชวล (โรงแรมเสมือนจริง) รายใหญ่ที่สุดในเอเชีย เปิดเผยว่า นิด้า รูมส์ ได้จัดกิจกรรม "NIDA Dream Job" เพื่อตอบสนองความใฝ่ฝันของใครหลายๆคน ที่อยากให้งานในฝันคือการได้ออกเดินทางท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ เพียงแชร์ภาพถ่ายทริปท่องเที่ยวไม่ว่าจะถ่ายในสถานที่ท่องเที่ยว มื้อเมนูอาหารแสนอร่อย หรือจะเป็นปาร์ตี้สุดเหวี่ยงที่คุณยังประทับใจ ในประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย หรือฟิลิปปินส์ พร้อมคำบรรยายเล่าประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบโดนๆ ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลทุกสัปดาห์
"นักท่องเที่ยวสามารถร่วมสนุก ส่งผลงานและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.nidarooms.com/nidadreamjob ได้ตั้งแต่วันนี้ - 27 กุมภาพันธ์ 2560 รับสิทธิ์ลุ้นรางวัลรางวัล ประจำสัปดาห์ ประกอบด้วย เครดิตท่องเที่ยวกับ NIDA Rooms มูลค่า 100 ดอลลาร์สหรัฐ และบัตรกำนัลตั๋วเครื่องบิน มูลค่า 100 ดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 12 รางวัล และโอกาสในการคว้ารางวัลใหญ่ สำหรับผู้ชนะในแต่ละประเทศ ประกอบด้วย เงินเดือนสำหรับงานในฝันของคุณ มูลค่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ เครดิตท่องเที่ยวกับ NIDA Rooms มูลค่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ และบัตรกำนัลตั๋วเครื่องบิน มูลค่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 4 รางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 14,400 ดอลลาร์สหรัฐ (516,816 บาท)" นายอาวิลิกล่าวสรุป
ทั้งนี้ "นิด้า รูมส์" เป็นผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรมเวอร์ชวล (โรงแรมเสมือนจริง) รายใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยมีความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอความคุณค่าให้แก่ลูกค้าด้วยหลัก 3Rs ได้แก่ Right Location, Right Price and Right Quality (ทำเลที่ใช่ ราคาที่ใช่ และ คุณภาพที่ใช่) ควบคู่ไปกับปรัชญา "Live to Explore" (ใช้ชีวิตไปกับการสำรวจ) ไม่เพียงเท่านี้หลักการบริหารยังเน้นเรื่องการรับรองมาตรฐานคุณภาพของห้องพัก และระดับราคาที่ถูก โดยออกโปรแกรม Low Price Guarantee และ Quality Guarantee โดยรับรองว่าการจองโรงแรมในเครือข่ายของนิด้ารูมส์จะได้ราคาที่ถูกที่สุด หากลูกค้าหาราคาที่ถูกกว่าได้ในโรงแรมเดียวกันก็พร้อมคืนเงินให้ทันทีและบวกกับส่วนต่างอีก 2 เท่าตัว ส่วนการรับรองด้านมาตรฐานโรงแรมนั้นจะเน้นเรื่องห้องสะอาด แอร์เย็น เตียงนอนสบาย มีไวไฟ ฯลฯ เป็นต้น หากลูกค้าไม่ได้คุณภาพตามที่ระบุไว้ก็พร้อมคืนเงินให้ลูกค้า 2 เท่าตัวทันที นิด้า รูมส์ ได้สร้างโรงแรมพันธมิตรที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติให้เลือกกว่า 4,200 แห่ง กระจายอยู่ในจุดหมายปลายทางหลายร้อยแห่งทั่วอินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และฟิลิปปินส์ ภายในระยะเวลา 15 เดือน นับตั้งแต่ที่เริ่มต้นดำเนินธุรกิจในเดือนกันยายนปี 2558