สศก. ปูพรม 5 จังหวัดอีสาน สำรวจทัศนคติเกษตรกร สู่การปฏิรูป พัฒนารูปแบบประกันภัยนาปี

พุธ ๑๘ มกราคม ๒๐๑๗ ๑๐:๑๒
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร จับมือ ธ.ก.ส. พร้อมลงพื้นที่ 23 มกราคมนี้ ศึกษารูปแบบความพึงพอใจและทัศนคติของเกษตรกรที่มีต่อการประกันภัยข้าวนาปี ลุยปูพรมพื้นที่ 5 จังหวัดอีสาน เจาะกลุ่มตัวอย่างเกษตรกร 400 ราย สู่การพัฒนารูปแบบการประกันภัยข้าวนาปีให้สอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร

นางจันทร์ธิดา มีเดช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงโครงการศึกษาวิจัยเรื่อง "การศึกษารูปแบบความพึงพอใจประกันภัยข้าวนาปีของเกษตรกร" ปีงบประมาณ 2560 โดย สศก. ร่วมมือกับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อศึกษารูปแบบความพึงพอใจการประกันภัยข้าวนาปี และทัศนคติของเกษตรกรที่มีต่อการประกันภัยข้าวนาปีของเกษตรกร โดยมีกำหนดลงพื้นที่ระหว่างวันที่ 23 มกราคม – 25 มีนาคม 2560 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัด สัมภาษณ์เกษตรกรตัวอย่าง 400 ราย ที่มีการทำประกันภัยข้าวนาปีมากเป็นลำดับต้นของประเทศ ตามรายงานโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2559 ของ ธ.ก.ส. ซึ่งได้แก่ อุบลราชธานี สุรินทร์ ศรีสะเกษ นครราชสีมา และร้อยเอ็ด

สำหรับการประกันภัย ถือเป็นเครื่องมือทางการเงินที่สำคัญในการบริหารความเสี่ยง (Disaster Risk Management) ของเกษตรกร ซึ่งสามารถพัฒนาเป็นระบบเตือนภัยล่วงหน้าทำให้เกษตรกรเตรียมความพร้อมใน เชิงรุกที่จะเผชิญกับภัยธรรมชาติและค้นหาวิธีป้องกันความเสี่ยงด้านการเงินด้วยตนเอง โดยเกษตรกรสามารถถ่ายโอนความเสี่ยงไปยังบริษัทประกันภัยในฐานะผู้รับประกันและต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันให้กับผู้รับประกัน เพื่อที่จะได้รับความคุ้มครองหรือชดเชยทางการเงินหากเกิดความเสียหายขึ้น ซึ่งปัจจัยที่จะช่วยผลักดันพัฒนาระบบการประกันภัยในประเทศไทยให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมมีประสิทธิภาพและยั่งยืนวิธีหนึ่ง คือ การทำให้เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจต่อระบบประกันภัยที่ชัดเจน

อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจที่ผ่านมาของ ธ.ก.ส. พบว่า เกษตรกรบางส่วนมีทัศนคติต่อการประกันภัยพืชผลว่าเป็นเรื่องไกลตัวเป็นการสูญเสียค่าใช้จ่ายที่เปล่าประโยชน์ไม่คุ้มค่า ไม่เหมือนกับการได้รับความช่วยเหลือโดยตรงจากรัฐบาล แตกต่างจากการประกันภัยพืชผลในต่างประเทศที่มีการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นระบบที่เข้ามาเพื่อลดภาระความเสี่ยงที่ครอบคลุมด้านเกษตรกรรม ปศุสัตว์ และประมง

ดังนั้น การปฏิรูปการประกันภัยพืชผลในประเทศไทยจึงมีความสำคัญอย่างมาก ภายใต้ความเสี่ยงที่ได้รับการคุ้มครองอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง เพื่อทำให้เกษตรกรเกิดความเชื่อมั่นว่าเมื่อพื้นที่การประกันเพิ่มมากขึ้น อัตราเบี้ยประกันภัยจะถูกลงตามกลไกตลาด เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจว่าระบบประกันภัยพืชผลคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร คุ้มค่าต่อการลงทุนหรือไม่

ทั้งนี้ ประโยชน์ที่ได้รับจากการศึกษาวิจัย จะใช้เป็นแนวทางนำไปสู่การพัฒนารูปแบบการประกันภัยข้าวนาปี เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร จึงขอขอบคุณ และขอความร่วมมือกลุ่มเกษตรกรตัวอย่างทั้ง 5 จังหวัดในการลงพื้นที่สำรวจครั้งนี้ด้วย โดย สศก.จะรายงานผลการสำรวจให้ทราบในระยะต่อไป หากเกษตรกรและท่านที่สนใจแนวทางการสำรวจในครั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนวิจัยเศรษฐกิจสังคมครัวเรือนเกษตรกร สำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร โทร. 0 2579 2982 ในวันและเวลาราชการ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO