ภาพรวมตลาดพื้นที่ค้าปลีกในกรุงเทพมหานครและพื้นที่โดยรอบ

พุธ ๑๘ มกราคม ๒๐๑๗ ๑๗:๑๖
พื้นที่ค้าปลีกรวมในกรุงเทพมหานครและพื้นที่โดยรอบ ณ สิ้นปีพ.ศ.2559 อยู่ที่ประมาณ 7.5 ล้านตารางเมตรโดยเป็นพื้นที่ของศูนย์การค้าประมาณ 58% ศูนย์การค้าขนาดใหญ่เติบโตแซงคอมมูนิตี้มอล

นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เรนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า พื้นที่ค้าปลีกรวมในกรุงเทพมหานครและพื้นที่โดยรอบ ณ สิ้นปีพ.ศ.2559 อยู่ที่ประมาณ 7,537,820 ตารางเมตร โดยในปีพ.ศ.2559 มีพื้นที่ค้าปลีกเปิดให้บริการใหม่ประมาณ 130,380 ตารางเมตร โดยเป็นคอมมูนิตี้มอลล์มากที่สุดคือประมาณ 85,380 ตารางเมตรรองลงมาคือสเปเชี่ยลตี้ สโตร์ที่มีพื้นที่รวมประมาณ 41,000 ตารางเมตร แม้ว่าคอมมูนิตี้มอลล์จะมีพื้นที่เปิดขายใหม่มากที่สุดในปีที่ผ่านมาแต่ลดลงจากปีก่อนหน้านี้แบบเห็นได้ชัดเพราะมีหลายโครงการที่ไม่ประสบความสำเร็จ ผู้ประกอบการรายใหม่ที่มีแผนจะพัฒน่าคอมมูนิตี้มอลล์จึงเริ่มทบทวนแผนการพัฒนาใหม่ ศูนย์การค้าที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่จะเริ่มมีโครงการเปิดให้บริการใหม่มากขึ้นในปีพ.ศ.2560 – 2563 จากที่ชะลอไปในปีพ.ศ.2559 และมีบางโครงการที่เลื่อนมาจากปีพ.ศ.2559

พื้นที่ค้าปลีก ณ สิ้นปีพ.ศ.2559 ถ้าแยกตามประเภทจะสามารถแยกได้ ดังนี้

ที่มา : ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

พื้นที่ค้าปลีกรวมในกรุงเทพมหานครและพื้นที่โดยรอบ ณ สิ้นปีพ.ศ.2559 อยู่ที่ประมาณ 7,537,820 ตารางเมตรโดยเป็นพื้นที่ของศูนย์การค้าประมาณ 58% จากพื้นที่ทั้งหมดเพราะศูนย์การค้ามีพื้นที่ขนาดใหญ่และในช่วงหลายปีที่ผ่านมาศูนย์การค้าใหม่ๆ ที่เปิดให้บริการจะพัฒนาเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่รวมบริการและร้านค้าที่สามารถรองรับคนทุกเพศทุกวัยไว้ในพื้นที่เดียวกันขนาดพื้นที่จึงใหญ่มาก คอมมูนิตี้มอลล์มีพื้นที่รวมมากเป็นลำดับที่สองเพราะการขยายตัวที่มากอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาจนมีพื้นที่รวมมากกว่าซูเปอร์สโตร์ มอลล์ หรือไฮเปอร์มาร์เก็ตที่มีโครงการใหม่น้อยมาก

โครงการค้าปลีกใหม่ที่กำลังก่อสร้างและมีกำหนดแล้วเสร็จในช่วง 1 – 3 ปีข้างหน้าส่วนใหญ่เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่อยู่ชานเมือง หรือว่าเมืองชั้นนอกในขณะที่คอมมูนิตี้มอลล์ลดลง โดยมีพื้นที่ค้าปลีกอีกมากกว่า 723,000 ตารางเมตรที่กำลังก่อสร้างและมีกำหนดสร้างเสร็จในช่วงปีพ.ศ.2560 – 2561 ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกที่มีรูปแบบของโครงการพื้นที่ค้าปลีกหลากหลายมีความพยายามในการขยายหรือเพิ่มจำนวนสาขาโครงการค้าปลีกของตนเองในทุกรูปแบบโดยเฉพาะในกลุ่มของพื้นที่ค้าปลีกขนาดเล็ก เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อโดยรูปแบบที่เป็นที่นิยมในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะได้รับความสนใจต่อไปคือ ซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กและร้านสะดวกซื้อในศูนย์บริการน้ำมันเพื่อรองรับกำลังซื้อของคนที่เดินทางและคนในชุมชนโดยรอบโดยสังเกตได้จากแต่ละผู้ให้บริการปั๊มน้ำมันจะมีพันธมิตรหรือว่าร่วมมือกับผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกในการเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กหรือร้านสะดวกซื้อในศูนย์บริการน้ำมันของตนเอง

ศูนย์บริการน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อหรือซูเปอร์มาร์เก็ต

ปตท จิฟฟี่ และเซเว่น อีเลฟเว่น

บางจาก ใบจากมาร์ท มินิบิ๊กซี และ SPAR

ซัสโก้ ลอว์สัน 108 และ Suria

พีที แม็กซ์มาร์ท

เชลล์ ซีเลคท์

คาลเท็กซ์ เอส มินิมาร์ท และท็อปส์ เดลี่

เอสโซ่ เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส และเอส มินิมาร์ท

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๐๑ วช. ขับเคลื่อนงานวิจัยเชิงพื้นที่ 'ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5' มุ่งลดฝุ่นพิษภาคเหนืออย่างยั่งยืน
๑๘:๐๘ TKS จัดประชุมผู้ถือหุ้นปี 2568 ไฟเขียวจ่ายปันผลอีก 0.33 บ./หุ้น
๑๘:๔๙ STECH จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 แจกปันผลเป็นเงินสดหุ้นละ 0.034 บาท
๑๘:๒๒ SGP จัดประชุมผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติเคาะปันผลครึ่งปีหลัง 0.20 บาท/หุ้น
๑๘:๐๖ ผู้ถือหุ้น FLOYD พร้อมใจเห็นชอบ ไฟเขียวทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.08 บาท/หุ้น
๑๘:๑๑ TEKA จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 พร้อมไฟเขียวจ่ายปันผล 0.155 บาท
๑๘:๒๓ BRR จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นเคาะจ่ายปันผล 0.50 บาท/หุ้น
๑๘:๓๘ กลุ่มเหล็กรุ่นใหม่ เข้าพบ 'เอกนัฏ' ประสานเสียงให้กำลังใจ ดันยกเลิกเหล็ก IF กันเหล็กนำเข้าไร้มาตรฐาน
๑๘:๑๘ ดั๊บเบิ้ล เอ จับมือ เอเชีย เอรา วัน และกรมป่าไม้ จัดกิจกรรมรักษ์โลก สร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
๑๗:๒๘ LPH ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห. ไฟเขียวจ่ายปันผลอีก 0.10 บ./หุ้น