ทิศทางอัตราดอกเบี้ย และอัตราแลกเปลี่ยน ปี 2560

จันทร์ ๒๓ มกราคม ๒๐๑๗ ๑๐:๔๘
โดย ธุรกิจตลาดเงิน ทีเอ็มบี

ปัจจัยการเมืองจะมีผลต่อทิศทางตลาดการเงิน

นาย ศรัณย์ ภู่พัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจตลาดทุน ทีเอ็มบี หรือธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี2560 นอกจากปัจจัยพี้นฐานทางเศรษฐกิจแล้ว การเคลื่อนไหวของปัจจัยทางการเมืองจะมีผลอย่างมากต่อการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน ตลาดเงิน และตลาดทุน ตัวอย่างจากปี2559 ไม่ว่าจะเป็นผลการลงประชามติเพื่อขอออกจากสมาชิกภาพประชาคมยุโรปของสหราชอาณาจักร (BREXIT) และผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา (Mr.Donald Trump) ที่ต่างก็สร้างความประหลาดใจและส่งผลต่อการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนและทิศทางตลาดการเงิน ในปีนี้การเคลื่อนไหวของปัจจัยทางการเมืองจะยังเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ในยุโรปจะมีการเลือกตั้งในหลายประเทศไม่ว่าจะในเนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ซึ่งในภาวะกระแสชาตินิยมที่ก่อตัวขึ้นในกลุ่มประเทศยุโรป ผลการเลือกตั้งของประเทศต่างๆ ในกลุ่ม EU จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของกลุ่ม และจะมีนัยต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั้งในยุโรปและเศรษฐกิจโลก

ในประเทศสหรัฐอเมริกา ต้องจับตามองความสามารถในการดำเนินนโยบายของ Trump ตามที่ได้หาเสียงไว้ว่าจะปฎิบัติได้จริงและมากน้อยแค่ไหน ปัจจุบันตลาดการเงินได้พุ่งความสนใจไปยังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการลดภาษี การลงทุนโครงสร้างขั้นพื้นฐาน การลดกฎระเบียบต่างๆ และมาตรการที่กระตุ้นให้บริษัทสหรัฐอเมริกานำเงินกำไรที่อยู่นอกประเทศกลับเข้ามาในประเทศ ซึ่งการคาดหวังในมาตรการเหล่านี้ทำให้ราคาหลักทรัพย์ในตลาดหุ้น และผลตอบแทนตราสารหนี้ในสหรัฐอเมริกาปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ในขณะเดียวกันผู้เกี่ยวข้องในตลาดการเงินยังไม่แน่ใจต่อมาตรการกีดกันการค้า การลงทุน และการเคลื่อนย้ายแรงงานว่าจะออกมารุนแรงอย่างที่ Trump หาเสียงไว้หรือไม่ ความไม่แน่นอนเหล่านี้จะก่อให้เกิดความผันผวน และทิศทางการเคลื่อนไหวของเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ อัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน และราคาสินทรัพย์ทั่วโลก ตลอดปี 2560

สิ้นสุดอัตราดอกเบี้ยต่ำ

Donald Trump จะใช้นโยบายการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการต่างๆ เช่น ลดภาษี และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งแตกต่างจากในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาที่พึ่งนโยบายการเงินเป็นหลัก ผ่านอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำใกล้ 0 % และการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ (QE Program) การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา อัตราการว่างงานที่ต่ำ และTrumpolicy ส่งผลให้ตลาดการเงินมีการคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อในอนาคตจะมีการปรับตัวสูงขึ้น และนโยบายการเงินมีความสำคัญน้อยลง โดยในการประชุม FOMC (Federal Open Market Committee) ของสหรัฐอเมริกา ในเดือนธันวาคม 2559 คณะกรรมการฯ ได้ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ตามที่ตลาดการเงินคาดไว้ พร้อมส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อในปี 2560 ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐอเมริการุ่นอายุ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุดที่ระดับ 1.36% เมื่อกลางปี 2559 มาอยู่ในระดับ 2.46% ในปัจจุบัน ทีเอ็มบีคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อย 2 ครั้ง (ครั้งละ 0.25%) ในปี 2560 ขณะที่นโยบายการเงินของกลุ่มประชาคมยุโรปและญี่ปุ่นยังคงผ่อนคลาย (Policy Divergence) ความแตกต่างดังกล่าวจะทำให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงิน

เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นแต่ยังไม่กระจายตัว

เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มจะขยายตัวที่ระดับ 3.5% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่คาดว่าจะขยายตัว 3.3% อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของเศรษฐกิจยังเป็นแรงส่งที่มาจากการลงทุนภาครัฐ และภาคบริการด้านการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ ขณะที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนมีทิศทางฟื้นตัวแต่ยังต่ำกว่าระดับศักยภาพ โดยแรงกระตุ้นจากภาครัฐที่มีต่อภาคเอกชนจะยังไม่มีผลมากนักในปีนี้ ในส่วนของภาคการค้าระหว่างประเทศ คาดว่าการส่งออกจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น แต่การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดจะลดน้อยลง เนื่องจากการเร่งตัวขึ้นของการนำเข้า โดยมีปัจจัยจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สำหรับอัตราเงินเฟ้อในปีนี้เร่งตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ +2.0% (จาก +0.4% ในปี 2559) เป็นผลจากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับขึ้นเมื่อเทียบกับฐานคำนวณในปีก่อนหน้า โดยที่แรงกระตุ้นจากฝั่งอุปสงค์ (Demand Pull) ยังไม่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

ดอกเบี้ยระยะสั้นยังต่ำ แต่ดอกเบี้ยระยะยาวปรับเพิ่ม

ทีเอ็มบีคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (Monetary Policy Committee - MPC) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ระดับ 1.50% ไปตลอดทั้งปี 2560 เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในขณะที่สภาพคล่องของระบบการเงินยังอยู่ในระดับสูงแต่มีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินและอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้จะผันผวนและได้รับอิทธิพลจากตลาดการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยรุ่นอายุ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุดที่ระดับ 1.56% เมื่อกลางปี 2559 มาอยู่ที่ระดับ 2.67% ในปัจจุบัน ทีเอ็มบีมองว่ายังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นได้อีก โดยภาพรวมนักลงทุนจะเผชิญกับแนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวสูงชันขึ้น โดยเฉพาะตราสารระยะกลางถึงยาว (Steepening Yield Curve) ตามการคาดการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ โดยสภาพคล่องในระบบจะเริ่มลดลง จากการขยายตัวของสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ และการระดมทุนของภาครัฐผ่านการกู้ยืมและการออกหลักทรัพย์เพื่อรองรับการใช้จ่ายโครงการลงทุน สิ่งที่ต้องจับตาดูคือ ผลกระทบจากต้นทุนการเงินที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ความเสี่ยงทางการเงินของภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น

มองเงินบาทครึ่งหลังของปีมีโอกาสแข็งค่า แต่ผันผวน

ที่ผ่านมาตลาดการเงินมีความคาดหวังต่อ Trumpolicy ค่อนข้างสูง รวมถึงการส่งสัญญาณของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาต่อนโยบายปรับขึ้นดอกเบี้ย จะทำให้ดอลล่าร์สหรัฐยังอยู่ในแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในครึ่งแรกของปี 2560 อย่างไรก็ตาม ยังมีความน่าสงสัยต่อความสามารถในการดำเนินนโยบายที่ Trump ประกาศไว้ และมีโอกาสสูงที่จะพบอุปสรรคในทางปฏิบัติ และหากนโยบายหลายอย่างไม่เป็นตามที่ตลาดการเงินรับรู้ จะมีผลให้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ กลับตัวอ่อนค่า ประกอบกับมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องของกลุ่ม EU น่าจะสิ้นสุดลงในปีนี้ และการเผชิญข้อจำกัดของธนาคารกลางญี่ปุ่นในการดำเนินนโยบายการเงิน จะกดดันให้ค่าเงินยูโรและเงินเยนแข็งค่าขึ้นได้ในช่วงครึ่งหลังของปี ในส่วนของค่าเงินบาท ทีเอ็มบีคาดว่าปลายปี 2560 จะอยู่ที่ระดับ 35.50 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐ โดยระหว่างปีมีโอกาสแกว่งตัวอ่อนค่าจากปัจจัยต่างประเทศ แต่ด้วยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง และทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงความชัดเจนทางด้านการเมือง จะทำให้ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

เทรนด์ดิจิทัลแบงก์กิ้งมาแรง

นับได้ว่าปี 2560 นี้ ยังคงเป็นปีแห่งความผันผวนทั้งอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ประกอบการควรเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์รอบด้าน ติดตามข่าวสารสถานการณ์โลกอย่างใกล้ชิด โดยทีเอ็มบีพร้อมให้การสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ประกอบการด้วยเครื่องมือที่ทำให้การวางแผนบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยให้การยืนยันข้อมูลธุรกรรมอัตราแลกเปลี่ยน (E- Confirmation) และการกระทบยอดระหว่างอัตราแลกเปลี่ยนกับเอกสาร Invoice ของลูกค้าเป็นเรื่องง่าย ผ่านการทำธุรกรรมทางการเงินที่สะดวก ง่าย และปลอดภัยในช่องทางดิจิทัลอย่าง ทีเอ็มบี บิสซิเนส คลิก (TMB Business Click)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ