สำหรับมุมมองของราคาทองคำในช่วงนี้ไปถึงเทศกาลตรุษจีนนั้น วายแอลจีประเมินกรอบราคาแนวรับในช่วง 1,180-1,165 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 19,700-19,400 บาทต่อบาททองคำและประเมินกรอบราคาแนวต้านในช่วง 1,233-1,250 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 20,600-20,900 บาทต่อบาททองคำ โดยคาดว่าราคาทองคำจะได้รับปัจจัยหนุนจากจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา โดยสุนทรพจน์ของนายทรัมป์ได้ยืนยันจุดยืนที่จะปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯและย้ำชัดว่า "อเมริกาต้องมาก่อน" ซึ่งยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจุดยืนดังกล่าวจะส่งผลต่อการตัดสินใจด้านการค้า ภาษี ประเด็นคนเข้าเมือง และกิจการต่างประเทศในทิศทางใดและจะกระทบต่อการค้าโลกและความสัมพันธ์ของสหรัฐกับนานาประเทศอย่างไรบ้าง ซึ่งความวิตกกังวลดังกล่าวเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ตามยังคงต้องระมัดระวังแรงขายที่สลับออกมาเป็นระยะหลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดยังคงมีมุมมองสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และหากนายทรัมป์มีการเปิดเผยรายละเอียดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและสามารถเรียกความเชื่อมั่นในสายตานักลงทุนได้อาจส่งผลในเชิงบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงและสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งถือเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำและก่อให้เกิดแรงขายทองคำออกมาเช่นกัน ขณะที่เทศกาลตรุษจีนนั้นเสริมมุมเชิงบวกทางจิตวิทยาจากแรงซื้อทองคำที่อาจจะคึกคักมากขึ้นเพราะเป็นช่วงเทศกาล แต่คงไม่มีนัยสำคัญต่อราคาทองคำมากนัก
นางพวรรณ์ กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ถึงเทศกาลตรุษจีน วายแอลจีแนะนำให้นักลงทุนเน้นการซื้อขายในระยะสั้น โดยราคาทองคำมีลักษณะการแกว่งในกรอบเพื่อสะสมแรงซื้อ โดยหากราคามีการทรงตัวรักษาระดับไว้น่าจะพอทำให้ในระยะสั้นนี้ราคาจะค่อยๆขยับขึ้นต่อไปได้ ทั้งนี้ หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือบริเวณ 1,233 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่งน่าจะเห็นการอ่อนตัวของราคาลงโดยประเมินแนวรับระยะสั้นที่ 1,189-1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งนักลงทุนอาจพิจารณาเข้าซื้อหากราคาไม่หลุดโซนดังกล่าวเพื่อทำกำไรระยะสั้นจากการดีดตัวของราคา และยังคงแนะนำให้นักลงทุนที่มีทองคำในมือแบ่งขายบางส่วนหากราคาไม่ผ่านบริเวณแนวต้านบริเวณ 1,233 ดอลลาร์ต่อออนซ์แต่หากราคาสามารถทะลุผ่านโซนดังกล่าวได้สามารถถือทองคำต่อเพื่อรอขายทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์