ครบรอบ 100 ปี แห่งการสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะบัญชีฯ จัดงาน “Flagship for Innovative Wisdom” พร้อมหาแนวทางปั้นเด็กเจน Z ตอบโจทย์เศรษฐกิจยุคดิจิทัล

จันทร์ ๒๓ มกราคม ๒๐๑๗ ๑๗:๒๓
โอกาสครบรอบ 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ได้จัดงาน "Flagship for Innovative Wisdom" เพื่อแบ่งปันองค์ความรู้ใหม่ๆ แก่คณาจารย์จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ พร้อมกระตุ้นให้เกิดการพัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาด้านธุรกิจ สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล โดย รศ.ดร.พสุ เดชะรินทร์ คณบดี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายมารุต บูรณะเศรษฐกุล ซีอีโอแห่งโออิชิ กรุ๊ป และนายวรวัจน์ สุวคนธ์ รองผู้จัดการใหญ่ด้านทรัพยากรบุคคล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ขึ้นกล่าวเปิดงานในหัวข้อ "อนาคตและทิศทางการศึกษาด้านธุรกิจ" กระตุ้นให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างภาคการศึกษา และภาคธุรกิจในการกำหนดแนวทางการผลิตบัณฑิตป้อนสู่ตลาดแรงงาน

รศ.ดร.พสุ เดชะรินทร์ คณบดี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า "ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ทั้งในด้านสังคม และเศรษฐกิจ ด้วยเหตุนี้ สถาบันการศึกษาซึ่งเป็นหน่วยงานเบื้องต้น ในการผลิตบุคลากรอันเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ในการนำพาประเทศก้าวต่อไปข้างหน้า จึงต้องพลิกโฉมครั้งใหญ่ ซึ่งต้องอาศัยร่วมมือจากภาคธุรกิจ ในการร่วมกำหนดแนวทางการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะความรู้ ตอบโจทย์เศรษฐกิจยุคดิจิทัล

การจัดการศึกษาจะต้องเป็นแบบ Co-Creation คือทั้งภาคธุรกิจ และภาคการศึกษาต้องเข้ามาช่วยกันวิเคราะห์ และคาดการณ์ถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการจัดการศึกษา สร้างบัณฑิตให้มีทักษะความรู้รองรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมาคณะบัญชีจุฬาฯ เองได้จับมือกับภาคเอกชน เปลี่ยนแปลงการจัดการเรียนการสอนของเราในหลายเรื่อง ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักศึกษาเจเนอเรชั่น Z เช่น โครงการ Mentoring จัดให้รุ่นพี่เข้ามาแนะนำนักศึกษารุ่นน้อง ทั้งเรื่องการงาน และการใช้ชีวิต, โครงการ E-learning หลักสูตรการศึกษาออนไลน์ เพื่อเปิดกว้างการเรียนรู้สู่คนทุกระดับ ไม่ว่าใครก็เข้าถึงการศึกษาได้หากมีความสนใจ นอกจากนี้ยังร่วมมือกับภาคเอกชนหลายหน่วยงาน จัดให้นักศึกษาได้เข้าไปเรียนรู้ประสบการณ์จริง ในการทำงานภายในองค์กรธุรกิจตลอดช่วงการศึกษา 4 ปี ไม่ใช่แค่การฝึกงานช่วงใกล้จบปีการศึกษาเหมือนแต่ก่อน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก เด็กสามารถนำเอาความรู้จากประสบการณ์จริงมาใช้ในการพัฒนาตัวเอง"

ทางด้าน นายมารุต บูรณะเศรษฐกุล ซีอีโอใหญ่แห่งโออิชิ กรุ๊ป กล่าวว่า "คนเจเนอเรชั่น Z จะคุ้นเคยกับพฤติกรรมการหาข้อมูลความรู้จากอินเตอร์เน็ต ด้วยเหตุนี้การเรียนรู้ในห้องเรียนต้องปรับรูปแบบใหม่ สถาบันการศึกษาต้องปรับบทบาทจากแหล่งองค์ความรู้ เป็นองค์กรสนับสนุนการเรียนรู้ ส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ได้นำเอาองค์ความรู้มาฝึกฝนใช้ให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อชีวิตส่วนตัว และชีวิตการทำงานของเด็กรุ่นใหม่

การเรียนการสอนต้องปรับรูปแบบเป็นการโค้ชชิ่ง โดยการฝึกฝนให้เด็กมีความรู้ความสามารถเฉพาะด้านที่มีความสำคัญต่อการเติบโตในอนาคต ซึ่งปัจจุบันโลกก้าวเข้าสู่สังคมแห่งการแบ่งปัน ใครมีความรู้อะไรก็เอามาแชร์กันบนโลกออนไลน์ ยิ่งให้ก็ยิ่งได้มาก คือได้สังคมเพื่อนที่มีมุมมองความคิดไปในทิศทางเดียวกัน และพร้อมให้ความช่วยเหลือกัน ซึ่งจำเป็นอย่างมากในการทำงานยุคสมัยนี้ นอกจากนี้การทำงานในโลกธุรกิจยุคดิจิทัลจำเป็นต้องมีบุคลากรที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีความอ่อนน้อมถ่อมตนทางปัญญา พร้อมเปิดรับความรู้ใหม่ๆ มาใช้ในการพัฒนาตัวเอง เพื่อให้มีความรู้ความสามารถในการทำงานที่ต้องการความแปลกใหม่อยู่ตลอดเวลา"

นายวรวัจน์ สุวคนธ์ รองผู้จัดการใหญ่ด้านทรัพยากรบุคคล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี ทำให้ปัจจุบันการแข่งขันขององค์กรธุรกิจ ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่คู่แข่งธุรกิจเท่านั้น แต่ยังต้องแข่งขันกับเครื่องมือใหม่ๆ ที่เทคโนโลยีสร้างขึ้นมา เช่น แอพพลิเคชั่นทางการเงินบนมือถือ ซึ่งเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาด สิ่งเหล่านี้ทำให้ความต้องการบุคลากรขององค์กรธุรกิจเปลี่ยนไป

เด็กเจเนอเรชั่น Z มีโอกาสและช่องทางการเรียนรู้อยู่รอบตัว ขณะที่บริบทสังคมในยุคดิจิทัลมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา องค์ความรู้ในห้องเรียนจึงอาจไม่สำคัญเท่ากับการฝึกฝนให้เด็กมีทักษะในการเรียนรู้ด้วยตัวเอง และสามารถนำเอาความรู้นั้นไปใช้ประโยชน์กับการใช้ชีวิต และการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะในการคิดวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในยุคดิจิทัล การเติบโตในภาคธุรกิจจำเป็นต้องอาศัยเด็กที่มีความโดดเด่นใน 3 เรื่องตามลำดับความสำคัญที่เรียกว่า ASK คือ Attitude เด็กที่มีทัศนคติที่ดี จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมงาน และถ้ามีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ก็จะทำให้เกิดการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งจะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพ, Skill มีทั้งหมด 10 ทักษะสำคัญที่เด็กต้องมี อาทิ สามารถคิดนอกกรอบ ทำงานได้หลากหลายวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เป็นต้น สุดท้ายคือ Knowledge ความรู้ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดให้มีความเหมาะสมต่อการนำมาใช้งานกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง"

ทั้งนี้ งาน "Flagship for Innovative Wisdom" จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-21 มกราคม 2560 ณ อาคารมหิตลาธิเบศร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศเข้าร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อต่างๆ ทุกสาขาการศึกษาด้านธุรกิจ กว่า 500 คน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ