บล.ทรีนีตี้แนะดักสอยหุ้นปันผล

จันทร์ ๓๐ มกราคม ๒๐๑๗ ๑๐:๔๕
บล.ทรีนีตี้ แนะนักลงทุนถึงเวลาซื้อหุ้นปันผล ชี้สถิติหุ้นปันผลช่วงเดือนกุมภาพันธ์ทะยานแรงกว่าเดือนอื่น พร้อมเผยเคล็ดลับการส่องหุ้นปันผลที่มีประสิทธิภาพสร้างผลตอบแทน ชี้ AP, TISCO เข้าเกณฑ์น่าสะสม

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนเดือนกุมภาพันธ์นักลงทุนควรให้น้ำหนักกับหุ้นปันผลเพิ่มขึ้น เนื่องจากสถิติในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่าหุ้นปันผลในดัชนี SETHD (SET High Dividend 30 Index)สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยในเดือนกุมภาพันธ์ถึง 3.2% นับเป็นเดือนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด และสูงกว่าเดือนที่ปรับตัวรองลงมาอย่างเดือนมกราคม ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 1.9% ค่อนข้างมาก

สำหรับสาเหตุที่หุ้นปันผลสามารถสร้างผลตอบแทนในเดือนกุมภาพันธ์ดีที่สุด เนื่องจากเป็นช่วงที่หลายบริษัทเตรียมประกาศจ่ายปันผล ทำให้นักลงทุนเข้ามาดักซื้อหุ้นในช่วงเวลาดังกล่าว และมีโอกาสที่ หุ้นปันผลจะปรับตัวได้ดีกว่าหุ้นประเภทเน้นการเติบโต ที่ราคาเริ่มอยู่ในระดับสูงแล้วช่วงนี้

"แนวโน้มของหุ้นเติบโตปีนี้ยังคงเป็นที่นิยมอยู่ ด้วยเพราะการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลก ทำให้ความน่าสนใจของหุ้นปันผลปรับตัวลดลง แต่สำหรับเดือนกุมภาพันธ์นี้จะแตกต่างจากทุกเดือน เพราะเป็นฤดูกาลที่นักลงทุนจะเข้ามาดักหุ้นปันผลที่จะประกาศจ่ายปันผลและขึ้นเครื่องหมาย XD ในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้า จึงเป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจ" นายณัฐชาต กล่าว

ส่วนเกณฑ์การคัดเลือกหุ้นปันผลนั้น จะเน้นหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETHD ที่มีการจ่ายปันผลต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ปี และมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลคาดหวังสูงกว่า 4.2% ซึ่งเป็นระดับเงินปันผลคาดการณ์ล่าสุดประจำปี 2017 ของดัชนี SETHD

ขณะเดียวกันในแง่ราคาหุ้นทื่ซื้อขายในปัจจุบันจะต้องต่ำกว่าราคาเป้าหมายปีนี้ของนักวิเคราะห์ในตลาดอย่างน้อย 5% (Upside > 5%)

นอกจากนี้ยังต้องเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเดือนกุมภาพันธ์ในช่วง 5 ปีหลังสุดสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนี SETHD ที่ 3.2% รวมถึงจะต้องเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกในเดือนนี้ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา

สุดท้ายควรเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีไปพร้อมๆกับความผันผวนของผลตอบแทนในอดีตที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งในทางคณิตศาสตร์จะวัดจากค่า Sharpe ratio โดยยิ่งมีค่า Sharpe ratio สูงยิ่งดี ปัจจุบันค่า Sharpe ratio ของดัชนี SETHD ในเดือนกุมภาพันธ์ช่วง 5 ปีหลังสุดอยู่ที่ 1.46 ดังนั้นหุ้นที่น่าสนใจจะต้องมีค่าสูงกว่า 1.46

นายณัฐชาตระบุว่า จากการศึกษาข้างต้น ฝ่ายวิเคราะห์พบหุ้นที่ได้ตามเกณฑ์คัดเลือกอยู่ทั้งสิ้น 2 บริษัท ประกอบด้วย หุ้น บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) หรือ AP ซึ่งเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเดือนกุมภาพันธ์ในระดับสูงที่ 9.2% และให้ผลตอบแทนในเดือนนี้เป็นบวกตลอด 7 ปีหลังสุด มีSharpe Ratio ที่ 2.39 ถือว่าสูงเป็นอันดับที่ 3 จากทั้งหมด 30 บริษัท และราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside มากกว่า 20% จากราคาเป้าหมายของฝ่ายที่ 9.20 บาท

อีกบริษัทคือ บมจ. ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป หรือ TISCO ถือเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเดือนกุมภาพันธ์ในระดับสูงที่ 6.5% และให้ผลตอบแทนในเดือนนี้เป็นบวกตลอด 8 ปีหลังสุด มีระดับ Sharpe Ratio ที่ 1.54 ถือว่าสูงเป็นอันดับที่ 5 ทั้งนี้ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside มากกว่า10% จากราคาเป้าหมายของฝ่ายที่ 70 บาท

สำหรับ หุ้นปันผลอื่นๆที่น่าสนใจรองลงมาตามเกณฑ์การคัดเลือกของฝ่ายวิเคราะห์ ประกอบด้วย AMATA , HANA , KTB , QH , SCC , SIRI , TCAP

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ