นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด กล่าวว่า คาดว่า สัปดาห์นี้ตลาดจะเดินหน้าไม่ง่ายนักเนื่องจาก นโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งทางปกครองห้ามไม่ให้ผู้อพยพชาวมุสลิม 7 ประเทศเข้าประเทศ ทำให้มีชาวมุสลิมตกค้างเข้าประเทศไม่ได้ ทำให้เกิดการต่อต้าน และเดินประท้วงในสหรัฐฯ และมาตรการปกป้องทางการค้าที่ออกมาก่อนหน้านี้ และ GDP สหรัฐฯ ในไตรมาส 4/2559 ขยายตัวเพียง1.9% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 2.2% ทำให้เกิดมุมมองทางเชิงลบต่อตลาดหุ้น
ปัจจัยติดตาม ติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันจันทร์ และอังคาร คาดยังไม่จำเป็นที่ออกมาตรการเพิ่มเติม เนื่องจาก เงินเยนยังมีคงแนวโน้มอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเนื่องไปเท่ากับมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นใหม่อยู่แล้วและรอดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ในวันอังคาร และพุธ ซึ่งคาดว่าจะยังไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเช่นกัน เนื่องจาก Federal Reserve ยังคงรอดูนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนายทรัมป์ด้านการคลังเสียก่อน
นอกจากนี้ ปัจจัยติดตามอื่น ๆ ได้แก่ ติดตามการเจรจาของนายทรัมป์ กับนาย วลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย และติดตามเรื่อง Brexit อยู่ระหว่างรอให้รัฐสภาอังกฤษลงมติก่อนว่าจะตามประชามติหรือไม่ ถ้าไม่จะเป็นปัญหาหมายถึงว่าอาจต้องทำประชามติใหม่ ถ้ารัฐสภาอังกฤษลงมติรับประชามติครั้งที่ผ่านมา ก็จะกำหนดว่าจะเริ่มกระบวนการตามมาตรา50 เมื่อใด
ด้านตลาดหุ้นเอเชีย ยังคงปิดประมาณครึ่งสัปดาห์ เช่น จีน สิงคโปร์ ฮ่องกง เกาหลี และเวียดนาม ทำให้ออร์เดอร์เทรดหุ้นจาก ต่างประเทศจะลดลง ทำให้ตลาดยังไปไม่ไกล
ด้าน Technical มองโอกาสตลาดจะปรับตัวลงมากกว่าเดินหน้าต่อ โดยคาดว่าสัปดาห์นี้ SET Index จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,577-1,606 จุด
นายวรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านกลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้ลงทุนหุ้นในประเทศที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ปลอดจากผลกระทบเชิงลบภายนอกประเทศมากที่สุด ในสัปดาห์นี้ Trading Idea ของ บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำซื้อ WIIK ของ บริษัท วิค แอนด์ ฮุคลันด์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งทำธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายท่อ HDPE โดยเป็นผู้ทำท่อประปาของการประปาแห่งประเทศไทย โดย WIIK ถือเป็นหุ้น Infrastructure Play ที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายของประเทศไทยที่มีเป้าหมายที่จะพัฒนาคุณภาพน้ำให้ดีขึ้น จึงมีแนวโน้มในการเปลี่ยนท่อในอนาคต ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรได้ดี
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา WIIK มีแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งในช่วงปี 2559-2561 แนวโน้มจะมีโครงการบริหารจัดการน้ำเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
บล.เอเชีย เวลท์ คาดผลประกอบการไตรมาส 4/59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดีคาดมีกำไรสุทธิ 37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 130% YoYแม้จะลดลง 18% QoQ เพราะผลกระทบทางฤดูกาล โดยคาดว่า WIIK ยังคงแผนการหาลูกค้าเพิ่มจากโครงการบริหารจัดการน้ำได้อีกปีละ 1-2 โครงการต่อปี
นอกจากนี้ คาดว่า ยอดขายท่อ HDPE จะมีการเติบโตที่มากขึ้นจากการถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางสำหรับท่อประปา ท่อน้ำทิ้ง และท่อร้อยสายไฟฟ้า
"เราคาดกำไรสุทธิเติบโต 81% ในปี 2559 ในปี 2560 เติบโต 20.9% และ 15.6% ในปี 2561 ราคาหุ้นในปัจจุบันซื้อขายที่ค่า PER ปี 2560 ที่ 12.1 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทนประมาณปีละ 5% ตามเงื่อนไขอัตรา ปันผลจ่ายที่ 60% ของกำไรสุทธิ โดยให้ราคาเป้าหมายของ WIIK ที่ 6.70 บาท จากวิธี sum-of-the-parts ที่คิดจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายท่อ HDPE ที่ 6.0 บาทต่อหุ้น อิงค่า PER 14 เท่าของ EPS ปี 2560 และรวมค่า DCF ของโครงการบริหารจัดการน้ำ 2 โครงการที่มีอยู่ในมือที่ทำสัญญายาว 20 ปี ของนิคมอุตสาหกรรม สยามอีสเทิร์นอินดัส เทรียลปาร์ค 0.47 บาทต่อหุ้น และนิคมอุตสาหกรรม เวลโกรว์อีก 0.22 บาทต่อหุ้น" นายวรุตม์ กล่าว
ด้าน Technical รูปแบบราคา (Price Pattern) ของ WIIK มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้งสัญญาณซื้อรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน บ่งบอกถึงการทำ New High โดยมีเป้าหมายแรกเพื่อทดสอบHigh เดิมที่ 6.40 บาท และมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 7.95 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ WIIK มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 4.98 บาท โดย WIIK มีแนวต้านที่ 5.30, 5.40, และ 5.50 บาท แนวรับที่ 5.15, 5.05, และ 4.92 บาท