นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน เปิดเผยว่า ทางสำนักงาน กสทช. ได้รับแจ้งจากทางบริษัททีโอทีซึ่งเป็นคู่สัญญาร่วมการงานกับบริษัททีทีแอนด์ทีเพื่อให้บริการโทรศัพท์ประจำที่ในเขตภูมิภาคว่า ทางบริษัททีโอทีจะเป็นผู้เข้าดำเนินการให้บริการแทนทั้งหมด โดยผู้ใช้บริการยังคงสามารถใช้บริการได้ต่อไป อีกทั้งสามารถขอโอนเลขหมาย ย้ายเลขหมาย ขอระงับการใช้ชั่วคราว ขอชำระค่าบริการโดยหักผ่านบัญชีธนาคาร ขอยกเลิกการชำระค่าบริการโดยหักผ่านบัญชีธนาคาร หรือบริการอื่นๆ ตามความประสงค์ของผู้ใช้บริการ รวมทั้งหากไม่ประสงค์ใช้บริการต่อ ก็สามารถยกเลิกบริการได้
ทั้งนี้ ในส่วนของการรับชำระเงิน ผู้ใช้บริการสามารถจ่ายค่าบริการผ่านระบบ POS Just Pay Counter Service ได้ตามปกติ กรณีผู้ใช้บริการต้องการยกเลิกการหักบัญชีธนาคาร/บัตรเครดิต บมจ. ทีโอที ระบุว่า ทางศูนย์บริการสามารถตรวจสอบหนี้ค้างชำระ การจำหน่ายหนี้สูญ โดยสืบค้นจากระบบฐานข้อมูลผู้ใช้บริการและส่งผ่านให้ศูนย์กลางประสานงานของ บมจ. ทีทีแอนด์ที ดังนั้นถ้าผู้ใช้บริการแจ้งยกเลิกบริการกับ บมจ. ทีทีแอนด์ที และ บมจ. ทีทีแอนด์ทีดำเนินการยกเลิกแล้ว ผู้ใช้บริการก็จะไม่ถูกหักเงินจากบัตรเครดิตหรือบัญชีเงินฝาก
สำหรับผู้ใช้บริการที่มีข้อสงสัย ต้องการร้องเรียน หรือแจ้งเหตุโทรศัพท์เสีย ปัจจุบันสามารถติดต่อศูนย์บริการลูกค้าของบริษัททีโอทีได้ที่หมายเลข 1100, หมายเลข 1103 กด 1, และหมายเลข 1177 ขณะเดียวกันหากผู้ใช้บริการรายใดประสบปัญหา ภายหลังร้องเรียนไปยังบริษัททีโอทีแล้ว แต่ไม่ได้รับการแก้ไข ก็สามารถร้องเรียนมาที่สำนักงาน กสทช. โดยโทรฟรีได้ที่หมายเลข 1200
อนึ่ง บมจ. ทีทีแอนด์ที ได้ทำสัญญาร่วมการงานกับ บมจ. ทีโอที เพื่อให้บริการโทรศัพท์ประจำที่ในเขตภูมิภาคแบบเบ็ดเสร็จ จำนวน 1.5 ล้านเลขหมาย โดยได้รับส่วนแบ่งรายได้และค่าจ้างเป็นการตอบแทน ต่อมาศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ บมจ. ทีทีแอนด์ที เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2559 บมจ. ทีโอทีจึงได้ดำเนินการเพื่อเป็นผู้ให้บริการแทน