แอลจีเผยผลประกอบการปี 2559 พร้อมไตรมาสที่ 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศและกลุ่มผลิตภัณฑ์ โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์มีผลกำไรจากการดำเนินงานสูงสุดในปี 2559

พุธ ๐๑ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๗ ๑๒:๐๘
แอลจี อีเลคทรอนิคส์ อิงค์ (แอลจี) เผยผลกำไรจากการดำเนินงานประจำปี 2559 อยู่ที่ 1.16 พันเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4.06 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปี 2558 อยู่ที่ 12.2 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากผลประกอบการที่โดดเด่นจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศ รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ สำหรับรายได้ตลอดปี 2559 อยู่ที่ 47.92 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.68 ล้านล้านบาท) และมีรายได้สุทธิอยู่ที่ 109.31 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3.83 พันล้านบาท)

ยอดขายประจำไตรมาสที่ 4 ในปี 2559 อยู่ที่ 12.79 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4.48 แสนล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 11.7 เปอร์เซ็นต์และสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2558 ที่ 1.5 เปอร์เซ็นต์ ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศ และกลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์มีกำไรจากการดำเนินงานสูงสุดในรอบปี อย่างไรก็ตาม เนื่องจากงบขาดทุนจากกลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือและกลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ แอลจีได้รายงานงบขาดทุนสุทธิประจำไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ 223.98 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 7.84 พันล้านบาท)

สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศ รายงานรายได้ตลอดปี 2559 อยู่ที่ 14.92 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 5.22 แสนล้านบาท) และรายได้สำหรับไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 12.3 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 5.6 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งได้รับแรงผลักดันจากยอดขายที่โดดเด่นในตลาดเกาหลีและอเมริกาเหนือซึ่งเป็นตลาดที่สินค้า เช่น เครื่องซักผ้า LG Twin Wash และตู้เย็น LG Door-in-Door ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ รายได้จากการประกอบการจำนวน 1.15 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4.03 หมื่นล้านบาท) ในปี 2559 เพิ่มขึ้น 36 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2558 และยังเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในบรรดากลุ่มผลิตภัณฑ์แอลจีทั้งหมด

กลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เผยรายได้ประจำไตรมาสที่ 4 ที่ 4.15 พันล้านเหรียญสหรัฐ(ประมาณ 1.45 แสนล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้น 15.7 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส โดยเป็นผลจากยอดขายที่โดดเด่นจากทีวีระดับพรีเมี่ยม LG OLED TV และ LG 4K Ultra HD TV ในทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรปและเอเชีย ผลกำไรจากผลประกอบการตลอดทั้งปีอยู่ที่ 1.07 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3.75 หมื่นล้านบาท) ซึ่งนับว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และรายได้ประจำปี 2559 ที่ 15.08 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือราว 5.28 แสนล้านบาทซึ่งเป็นรายได้ที่มากที่สุดในบรรดากลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของแอลจี คาดการณ์ว่า LG SIGNATURE OLED TV ซีรี่ย์ W7 ที่ได้รับรางวัลและไลน์อัพที่เพิ่มขึ้นของ LG OLED TV ซึ่งเปิดตัวภายในงาน CES 2017 จะช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำของแอลจีในอุตสาหกรรมทีวีระดับพรีเมี่ยม ในขณะที่บริษัทอื่นๆ จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ OLED TV ภายหลังในปี 2560 นี้

กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ รายงานรายได้ประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2559 อยู่ที่ 2.51 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 8.79 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้น 15.4 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส เป็นผลจากยอดขายที่โดดเด่นของสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่น V20 อย่างไรก็ตาม ผลกำไรสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้ต้องหยุดชะงักลงจากยอดขายที่ไม่ค่อยดีนักของสมาร์ทโฟนรุ่น G5 และการลงทุนทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น คาดว่าการเปิดตัวสมาร์ทโฟน ซีรี่ย์ G และอุปกรณ์มือถือในราคาที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ในไตรมาสที่ 2 หลังจากงานโมบายเวิลด์คองเกรสจะช่วยให้กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือเติบโตในตลาดได้ในปี 2560

กลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ ปิดท้ายปีด้วยยอดขายจำนวน 2.40 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8.40 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้น 51 เปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้ว และมีรายได้ประจำไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ 749.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2.62 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้น 66.4 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตที่โดดเด่นของชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าและระบบอินโฟเทนเมนต์ ยอดขายในแต่ละไตรมาสของปี 2559 เติบโตอย่างมั่นคง แต่การลงทุนด้านการวิจัยและการพัฒนาได้ส่งผลต่อกำไร คาดว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ของแอลจีจะช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันด้านผลิตภัณฑ์ในปี 2560 ได้จากการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเชฟโรเลตซึ่งร่วมกับแอลจี รวมถึงความต้องการในตลาดที่สูงขึ้นสำหรับชิ้นส่วนไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับระบบอินโฟเทนเมนต์ในรถยนต์และระบบความปลอดภัย

ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในไตรมาสที่ 4 ของปี 2559

รายได้ที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบด้านบัญชีประจำไตรมาสของแอลจี อีเลคทรอนิคส์เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ IFRS (International Financial Reporting Standards) สำหรับช่วงสามเดือน สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2559 ทั้งนี้ อัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐจะเท่ากับอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยของสามเดือนในไตรมาสเดียวกัน โดยอัตราแลกเปลี่ยน ณ ไตรมาสที่ 3 ปี 2559 อยู่ที่ 35 บาทต่อ 1เหรียญสหรัฐ (ตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของธนาคารแห่งประเทศไทย)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version