นายเสรี ศุภราทิตย์ ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค เปิดเผยว่า ตามนโยบายดิจิทัลไทยแลนด์ของรัฐบาล มุ่งเน้นนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสนับสนุนและขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญคือการปรับเปลี่ยนภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) โดยเปลี่ยนรูปแบบบริการใหม่ เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว ถูกต้อง และโปร่งใส เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงบริการของภาครัฐได้อย่างทั่วถึง นำไปสู่การต่อยอดเพิ่มมูลค่า สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับประเทศ อีกทั้งยังสามารถเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการลูกค้าของ กปภ. ที่กระจายอยู่ประมาณ 4 ล้านราย ทั่วทั้ง 74 จังหวัดอีกด้วย การร่วมมือกันในครั้งนี้จะนำความสามารถหลักของแต่ละองค์กรมาสร้างนวัตกรรมการให้บริการที่มีภาคประชาชนและภาคธุรกิจเป็นศูนย์กลาง ในการพัฒนาข้อมูลสารสนเทศ ระบบศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต การปรับปรุงโครงข่ายสื่อสาร เพื่อบริหารงานและการให้บริการประชาชนด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย โดยมุ่งเน้นการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศ ระบบศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต โครงข่ายและระบบสื่อสารข้อมูลความเร็วสูงให้มีประสิทธิภาพและทันสมัยสอดรับกับดิจิทัลในปัจจุบัน
นายมนต์ชัย หนูสง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีโอที กล่าวว่า ทีโอที มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจาก กปภ. ตลอดมา โดย กปภ. และ ทีโอที ในฐานะหน่วยงานภาครัฐชั้นนำ ด้านการให้บริการสาธารณูปโภคและผู้ประกอบการธุรกิจโทรคมนาคม มีภารกิจสำคัญคือการพัฒนา การให้บริการของภาครัฐเพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่มีคุณภาพทันสมัย ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นการร่วมกันพัฒนาเพื่อรองรับนโยบายดิจิทัลไทยแลนด์ นำสู่ประเทศไทย 4.0 ในการสร้างสรรค์และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเต็มศักยภาพเพื่อพัฒนาและสร้างสรรค์บริการรับยุคดิจิทัล เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้มอบหมายให้ ทีโอที ดำเนินการจะเป็นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลประสิทธิภาพสูงให้ครอบคลุมทั้ง 24,700 หมู่บ้านทั่วประเทศใน 5 ภูมิภาค ซึ่งมีเป้าหมายแล้วเสร็จภายในปี 2560 จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากการผลิตสินค้า "โภคภัณฑ์" ไปสู่สินค้าเชิง "นวัตกรรม" เปลี่ยนจากการขับเคลื่อนประเทศด้วย "ภาคอุตสาหกรรม" ไปสู่การขับเคลื่อนด้วย "เทคโนโลยี ความความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม" และเปลี่ยนจาก "ภาคการผลิตสินค้า" ไปสู่ "ภาคบริการ" มากขึ้น ซึ่งระบบสาธารณูปโภค ที่ทันสมัยจะสนับสนุนให้การขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจและสังคมของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ