นพ.ศรายุธ กล่าวต่อไปว่า สถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในปัจจุบันยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ และ มีแนวโน้มอัตราป่วยเพิ่มขึ้น เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่นำไปสู่การติดเชื้อเอชไอวีได้ ข้อมูลจากสำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พบว่า ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-2559 อัตราการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มขึ้นจาก 20.43 ต่อประชากรหนึ่งแสนคน เป็น 25.74 ต่อประชากรหนึ่งแสนคน ทั้งนี้ สามารถจำแนกตามโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 5 โรคหลัก ได้แก่ โรคหนองใน โรคหนองในเทียม โรคซิฟิลิส โรคแผลริมอ่อน และโรคกามโรคของต่อมและท่อน้าเหลือง โดยกลุ่มประชากรที่พบโรคหนองใน และโรคซิฟิลิสมากที่สุด คือ ช่วงอายุ 15-24 ปี ซึ่งอยู่ในช่วงวัยเรียน วัยเจริญพันธุ์ จึงเป็นตัวสะท้อนที่แสดงให้เห็นถึงการมีเพศสัมพันธ์อย่างไม่ปลอดภัย อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี และมีรายงานว่าผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยมากกว่าบุคคลทั่วไป 5-9 เท่า
ดังนั้น มาตรการแก้ไขปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเอดส์ จึงต้องเน้นการรณรงค์ให้ประชาชนมีพฤติกรรมที่เหมาะสม รู้จักวิธีการป้องกันตัวเองหรือวิธีการหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ และรู้จักวิธีการป้องกันก่อนมีเพศสัมพันธ์โดยการใช้ถุงยางอนามัย เพราะสามารถลดอัตราการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคเอดส์ และการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้ หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422. /นพ.ศรายุธ ปิดท้าย