นางอายุพร กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคเทค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTECH เปิดเผยว่า จากกรณีที่ "เครือข่ายภาคประชาชนปกป้องประโยชน์ผู้ถือหุ้นตลาดทุนไทย" ได้รับการร้องเรียน และแจ้งข้อมูลจากผู้ถือหุ้นในตลาดทุนจำนวนหนึ่ง ให้ตรวจสอบการกระทำของนายบี เตชะอุบล และพวก ซึ่งมีพฤติการณ์ที่น่าจะสร้างความเสียหายต่อภาพรวมตลาดทุนไทย และนักลงทุน โดยหนึ่งในนั้นคือการตรวจสอบนายบี ที่ได้มาซึ่งหุ้นบริษัท เคเทค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTECH จำนวน 75.35% ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2556 และได้ประชาสัมพันธ์โฆษณาชวนเชื่อให้นักลงทุนมากมายมาซื้อนอกตลาด โดยตนเองได้ขายหุ้น และทิ้งบริษัทช่วงระหว่างปลายปี 2556 ทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยหลงเชื่อได้รับความเสียหายจากการเข้าลงทุนโดยสุจริต และจากข้อมูลการรายงานการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ต้องนำส่งต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) น่าจะอนุมานได้ว่า นายบี ได้ขายหุ้นไปโดยไม่เสียภาษีไปอย่างถูกต้องเพื่อประโยชน์ตนเองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จากกรณีดังกล่าวทางบริษัทฯ ได้ชี้แจงว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายหุ้นของนายบี เตชะอุบล และผู้บริหารรวมถึงคณะกรรมการของ KTECH ชุดปัจจุบันได้ดำเนินธุรกิจอยู่บนความโปร่งใส และบรรษัทภิบาลที่ดีมาโดยตลอด จึงจะขอชี้แจงรายละเอียดต่าง ๆ โดยลำดับดังนี้
1.วันที่ 5 เมษายน 2555 ทางบริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาร่วมทุนกับนายบี เตชะอุบล ซึ่งนายบี เตชะอุบล จะเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ร้อยละ 70
2.วันที่ 3 กรกฎาคม 2556 นายบี เตชะอุบลได้ลาออกจากการเป็นกรรมการ และกรรมการบริหารของ KTECH
3. ตั้งแต่ เดือนกรกฏาคม 2557 จนถึงบัจจุบัน นายบี เตชะอุบลไม่มีการถือครองหุ้น KTECH
4.บริษัท ไทยไพร์ม จำกัด ซึ่งมีชื่อเสนอให้ตรวจสอบ ถือครองหุ้น KTECH จำนวน 44,156 หุ้น ตั้งแต่ 19 มกราคม 2558 จนถึงปัจจุบัน ไม่เคยมาร่วมการประชุมผู้ถือหุ้น และไม่มีส่วนในการบริหารงานของบริษัทฯแต่อย่างใด
ทางบริษัท เคเทค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) จึงขอเรียนชี้แจงให้กับนักลงทุน และผู้ถือหุ้นถึงกรณีดังกล่าวเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อตัวบริษัทฯ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายใด ๆ ต่อนักลงทุน และผู้ถือหุ้นของ KTECH ในขณะเดียวกันบริษัทฯขอยืนยันว่าผู้บริหาร และคณะกรรมการชุดปัจจุบันของ KTECH ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ รวมถึงมีการบริหารงานด้วยความถูกต้องโปร่งใสมาโดยตลอด ซึ่งในปัจจุบัน KTECH มีงานโครงการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การเข้ามาบริหารงานของผู้บริหารชุดปัจจุบัน โดยบริษัทฯ อยู่ในระหว่างการเข้าให้ข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อขยายเวลาการเป็นบริษัทจดทะเบียนที่แก้ไขผลดำเนินงานไม่ได้ภายในกำหนด หรือ NPG (Non Performing Group) ออกไป ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 31 มีนาคม 2560 ทั้งนี้ทีมผู้บริหาร และคณะกรรมการของบริษัทฯ ขอยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุเพิกถอน และได้ดำเนินการต่าง ๆ ตามกระบวนการเพื่อแก้ไขเหตุเพอกถอนดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมากระบวนการต่าง ๆ ก็ถือว่ามีภาพรวม และทิศทางที่ดีขึ้น