นางสาววรรณสิริ โมรากุล อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กรมการท่องเที่ยวมีกำหนดจัดการประชุมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อเชื่อมเส้นทางท่องเที่ยวโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และแหล่งท่องเที่ยวในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระหว่างวันที่ 14 – 16 กุมภาพันธ์ 2560 ณ โรงแรมเอ–สตาร์ ภูแล วัลเลย์ รีสอร์ท จังหวัดเชียงราย ทั้งนี้เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการพัฒนาประเทศผ่านแนวคิดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเพื่อสนับสนุนให้บุคลากรด้านการท่องเที่ยวในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้และทักษะในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และพัฒนาเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศสมาชิก
"การประชุมครั้งนี้เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อที่หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวจากประเทศสมาชิกอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงจะได้นำไปใช้ประโยชน์ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและการพัฒนาการท่องเที่ยวในประเทศ ผู้เข้าร่วมประชุมจะได้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ภูมิพลอดุลยเดช ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการการท่องเที่ยวในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ การมีส่วนร่วมของชุมชนในกิจกรรมการท่องเที่ยว ตลอดจนแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและบทบาทของการท่องเที่ยวต่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน" นางสาววรรณสิริ โมรากุล อธิบดีกรมการท่องเที่ยวกล่าว
เพื่อศึกษาแนวทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนจากโครงการพระราชดำริ ผู้เข้าร่วมประชุมจะได้ลงพื้นที่ศึกษาดูงานที่โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งประสบความสำเร็จในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสร้างความเข้มแข็งของชุมชน และเพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวโครงการพระราชดำริกับหล่งท่องเที่ยวในประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
อธิบดีกรมการท่องเที่ยวเปิดเผยว่า การท่องเที่ยวมีความสำคัญทางสังคมและเศรษฐกิจที่สุดภาคหนึ่งของโลก สมัชชาสหประชาชาติครั้งที่ 70 ได้กำหนดให้ปี 2017 เป็นปีสากลแห่งการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเพื่อการพัฒนา เลขาธิการองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ นายทาเล็บ รีฟาย ได้กล่าวย้ำถึงความสำคัญที่ทุกประเทศควรร่วมกันทำให้ปีสากลแห่งการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเพื่อการพัฒนานี้ เป็นปีที่จะสร้างการท่องเที่ยวที่มีความรับผิดชอบ สร้างเข้มแข็งให้เศรษฐกิจ ประชาสังคม ส่งเสริมสันติภาพและความเข้าใจซึ่งกันและกันของพลโลก รวมทั้งส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม
องค์การสหประชาชาติยังชี้ให้เห็นว่าการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนนั้นมีผลดีต่อการพัฒนาประเทศช่วยขจัดความยากจน รักษาสิ่งแวดล้อม และพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในโลก ขณะเดียวกันประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงได้ตระหนักถึงประโยชน์ของการท่องเที่ยวที่มีส่วนช่วยลดความยากจน เสริมสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืน และการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ คณะทำงานอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเองมีแผนงานยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวปี พ.ศ. 2558-2563 และยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวปี พ.ศ. 2559-2568 ซึ่งมุ่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการส่งเสริมการท่องเที่ยวของภูมิภาคร่วมกัน
นางสาววรรณสิริ โมรากุล กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ตระหนักถึงความสำคัญของปฏิญญาสหประชาชาติและยุทธศาสตร์การตลาดของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง จึงมุ่งสนับสนุนให้บุคลากรด้านการท่องเที่ยวได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้และทักษะในการพัฒนาการท่องเที่ยวระหว่างกัน เชื่อมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และแหล่งท่องเที่ยวใน
อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อเทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 อีกทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวเชื่อมโยงในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงอีกด้วย