นางสาวเรวดี วัฏฏานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บาร์เทอร์คาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2559 รัฐบาลได้ประกาศให้การส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจเป็นวาระแห่งชาติภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 โดยปรับเปลี่ยนจาก Traditional SME สู่ Smart Enterprise ที่ต้องพัฒนาและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถอยู่รอดและเติบโตอย่างเข้มแข็ง นอกจากนี้นโยบายของกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารยังสนับสนุนให้ผู้ประกอบการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดอาเซียน และตลาดโลกมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจประเภทBusiness to Business (B2B) มีทิศทางการเติบโตพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งบาร์เทอร์คาร์ดก็เป็นเครื่องมือที่ช่วยผลักดันผู้ประกอบการ โดยเฉพาะธุรกิจประเภทB2B สามารถทำการตลาดเพิ่มขึ้น แม้จะอยู่ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวอย่างในปีที่ผ่านมา โดยใช้ "เทรดบาท" ในการทำการตลาดผ่านธุรกิจของกลุ่มสมาชิกบาร์เทอร์คาร์ดโดยไม่จำเป็นต้องชำระค่าบริการเป็นเงินสด แต่ยังสามารถสื่อสารการตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมายได้ ซึ่งศักยภาพทางธุรกิจของบาร์เทอร์คาร์ดจะช่วยให้ลูกค้าสามารถเพิ่มยอดขายได้ 10 – 15% , ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบริหารงานได้ 10 – 50% และสามารถกระตุ้นการทำงานของฝ่ายขายผ่านการตอบแทนด้วย Incentive ที่ไม่จำเป็นต้องจ่ายด้วยเงินสด แต่ให้เป็นสินค้าหรือบริการที่เทรดบาทผ่านทางธุรกิจสมาชิกของบาร์เทอร์คาร์ดได้อีกด้วย
นอกจากนี้หลายหน่วยงานคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 2559 อีกทั้งรัฐบาลยังสนับสนุนให้ผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดาจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลมากขึ้น เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี รวมทั้งส่งเสริมให้มีการจัดตั้งธุรกิจขึ้นมารองรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ และการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว เมื่อธุรกิจใหม่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก การแข่งขันก็ยิ่งสูงขึ้น ธุรกิจที่สามารถบริหารยอดขายและลดค่าใช้จ่ายได้มากที่สุด ย่อมมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจและอยู่เหนือคู่แข่งมากเท่านั้น ซึ่งบาร์เทอร์คาร์ดก็เข้าใจ รวมทั้งสามารถตอบโจทย์และให้คำปรึกษากับธุรกิจทุกระดับที่ต้องการลูกค้าเพิ่มและต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายเงินสด
นางสาวเรวดีกล่าวต่อว่า สำหรับในประเทศไทย บาร์เทอร์คาร์ด มีทั้งหมด 6 สาขา ได้แก่ สาขาสีลม, ทองหล่อ, ลาดพร้าว, พัทยา, ภูเก็ต และเชียงใหม่ โดยล่าสุดบาร์เทอร์คาร์ดมีสมาชิกมากกว่า 3,000 ธุรกิจ โดยแบ่งเป็นธุรกิจ SMEs 85%, ธุรกิจขนาดใหญ่ 15% มีพันธมิตรทางธุรกิจใหม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกกว่า 60 ธุรกิจต่อเดือน ส่งผลให้บาร์เทอร์คาร์ดประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นอันดับ 2 ของโลกในปี 2558 และปี 2559 ที่ผ่านมา และตั้งเป้าหมายจะขึ้นเป็นอันดับ 1 ในปีนี้ จากเป้าหมายสมาชิกใหม่กว่า 650 ราย และยอดการแลกเปลี่ยน 990 ล้านบาท
ซึ่งในปีนี้บาร์เทอร์คาร์ดตั้งเป้าการเติบโต 15% จากปี 2559 ในส่วนของสมาชิกใหม่และ 5% ในส่วนของยอดการแลกเปลี่ยน ซึ่งยอดการแลกเปลี่ยนตั้งเป้าอยู่ 990 ล้านบาท ส่วนสมาชิกใหม่เราตั้งเป้าที่ 650 ราย โดยเพิ่มจำนวนทีมงานผู้เชี่ยวชาญทางด้านการตลาดจากบาร์เทอร์คาร์ดเพื่ออำนวยความสะดวกแก่สมาชิก รวมทั้งพัฒนาระบบอีเพย์เมนต์ ตั้งแต่การทำธุรกรรมผ่าน Mobile App หรือ Website ด้วยระบบที่ใช้งานได้ง่าย ปลอดภัย และสะดวกสบายยิ่งขึ้น อย่างต่อเนื่อง ให้สมาชิกสามารถทำการเทรดบาท เช็กยอดค่าใช้จ่ายได้ตลอดเวลา และช่วยให้สมาชิกเข้าถึงข้อมูล โปรโมชั่นสินค้าผ่านการจัดกิจกรรม Networking, Trade Show เพื่อให้สมาชิกมีโอกาสพบปะ ต่อยอดธุรกิจ รวมถึงแลกเปลี่ยนทัศนคติ กลยุทธ์ต่างๆ ในการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นางสาวเรวดีกล่าวทิ้งท้ายว่า บาร์เทอร์คาร์ดยังได้จัดกิจกรรมแรลลี่ ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 3 ภายใต้ชื่อ บาร์เทอร์คาร์ด แฟมิลี่ แรลลี่ ครั้งที่ 3 "Bartercard Family Rally III The way to OSCAR" ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ต้องการให้กลุ่มนักธุรกิจสมาชิกบาร์เทอร์คาร์ดทำกิจกรรมเพื่อสังคมร่วมกัน อีกทั้งยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นในกลุ่มลูกค้า และส่งเสริมความสุขของครอบครัว ในระหว่างวันที่ 4 – 5 มีนาคม 2560 เส้นทางระหว่าง กรุงเทพฯ– นครราชสีมา โดยมีกิจกรรมบริจาคสิ่งของและอุปกรณ์การเรียนการสอนแก่เด็กยากไร้ในชนบท ณ โรงเรียนถนนมิตรภาพ สักการะหลวงพ่อโต ณ วัดโนนกุ่ม (วัดหลวงพ่อโต) และกิจกรรม TC, RC ตลอดการเดินทาง