นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด กล่าวว่า ล่าสุดสภาพัฒน์ฯ รายงานเศรษฐกิจไทยขยายตัว 3.0%YoY ในไตรมาส 4/59 ในขณะที่ทั้งปี 59 ขยายตัวในอัตรา 3.2%YoY สอดคล้องกับที่ตลาดคาด และในสัปดาห์นี้เป็นช่วงท้ายของบริษัทจดทะเบียนไทย จะประกาศงบการเงิน ซึ่งที่ผ่านมาส่วนใหญ่ตัวเลขออกมาดี ทำให้มีมุมมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ แต่คาดว่าหุ้นจะยังไม่ทะลุ 1,600 จุด โดยกรอบ SET Index สัปดาห์นี้คาดว่าจะเคลื่อนไหวที่ 1,564-1,590 จุด
ด้านต่างประเทศ หลายประเทศ มีการประกาศตัวเลข GDP ไปแล้ว และเริ่มมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ด้านสหรัฐฯ ตลาดยังคงมีความกังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่จะเร็วกว่าที่คาด และอาจปรับขึ้นมากถึง 3 ครั้งในปีนี้ และตลาดยังคงติดตามรอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ ที่จะเข้าอยู่ในการพิจารณาของรัฐสภา ทำให้ตลาดหุ้น Wall street กลับมาเป็นบวก เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ด้านนโยบายของสหรัฐฯ กับจีนและญี่ปุ่น นายทรัมป์ ได้หันกลับมายอมรับนโยบาย "จีนเดียว" ที่ถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนหลังการหารือตรงกับประธาธิบดี ซิจิ้นผิง ซึ่งช่วยลดความตึงเครียดทางการเมืองกับจีนลง ด้านญี่ปุ่น สนับสนุนนโยบายทรัมป์ โดยจะเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลให้เกิดการว่าจ้างงานมากขึ้นหลายแสนตำแหน่ง
ขณะที่มีความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรป คือ ในการเลือกประธานาธิบดีฝรั่งเศส ในครั้งนี้ มีความเป็นไปได้เพิ่มขึ้นว่าประชาชนอาจเลือกผู้ที่มีนโยบายนำฝรั่งเศสออกจากสหภาพยุโรป และต่อต้านผู้อพยพ
นายวรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านกลยุทธ์การลงทุน ในภาวะที่ Fed กำลังจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย และภาวะที่ตลาดทั่วโลก กำลังจะอยู่ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยในประเทศอาจใช้เวลาในอีกหลายไตรมาสกว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยก็ตาม แต่สภาวะดังกล่าวทำให้ธนาคารพาณิชย์เป็นที่น่าสนใจทั้งโลกรวมทั้งธนาคารไทยด้วย ส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้าน Trading Idea ของ บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำซื้อ TCAP ของ บมจ.ทุนธนชาต เนื่องจากการคาดการณ์ว่าสินเชื่อจะกลับมาฟื้นตัว คุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง และอัตราเงินปันผลตอบแทนที่เหมาะสมที่ 4.5% หลังจากที่สินเชื่อของธนาคารหดตัวมา 3 ปีติดต่อกัน
เราคาดว่าสินเชื่อของ TCAP ปีนี้จะกลับมาเติบโตที่ 5% เป็นไปตามเป้าของธนาคารที่ 3-5% นั่นเป็นเพราะว่าสินเชื่อเช่าซื้อน่าจะเริ่มหดตัวน้อยลงและสามารถทรงตัวได้หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาห้ามโอนรถในโครงการรถยนต์คันแรก นอกจากนี้ สินเชื่อในกลุ่มอื่น ๆ ได้แก่ สินเชื่อองค์กรขนาดใหญ่ สินเชื่อเอสเอ็มอี และสินเชื่อรายย่อยอื่น ๆ คาดว่าจะเห็นการเติบโตเช่นกัน หนุนโดยเศรษฐกิจที่ค่อย ๆ ฟื้นตัวและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ
อีกทั้ง เรายังมีมุมมองค่อนข้างบวกต่อคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งของธนาคาร เห็นได้จากการที่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลดลงติดต่อกันมา 10 ไตรมาสแล้วอยู่ที่ 2.41% ในไตรมาส 4/59 จาก 2.56% ในไตรมาส 3/59 ในระหว่างที่อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ในปี 59 สูงถึง 146.79% สูงเป็นอันดับ 2 ในอุตสาหกรรม เพียงพออย่างมากในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้
เราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 60 จะเติบโตต่อเนื่องที่ 10.9% จาก 10.6% ในปี 59 โดย บล.เอเชีย เวลท์ ให้ราคาเป้าหมายที่ 55.00 บาท ด้าน Technical รูปแบบราคา (Price Pattern) ของ TCAP ยังคงมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้งสัญญาณซื้อรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน เพียงแต่ต้องระวังในกรณีที่ Price Pattern ปรับตัวลงมาปิดตลาดต่ำกว่า 48.50 บาท เพราะจะทำให้กลับมาเกิดสัญญาณขายรายวันครั้งใหม่ ซึ่งจะหมายความว่า Price Pattern ของ TCAP อาจเข้าสู่การปรับฐานในระยะสั้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม หากยังไม่เกิด คาดว่ามีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 63.75 บาท โดยมีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 48.25 บาท โดยหุ้นมีแนวต้านที่ 48.75, 49.00, และ 49.50 บาท และแนวรับที่ 48.25, 48.00, และ 47.50 บาท