นอกจากนี้ วธ.ได้นำเสนอยุทธศาสตร์การพัฒนาใน 5 ด้านได้แก่ 1.เสริมสร้างค่านิยมอัตลักษณ์ไทยและความเป็นไทย 2.พัฒนาการศึกษาและการเรียนรู้ด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม 3.ส่งเสริมอุตสาหกรรมวัฒนธรรมเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 4.พัฒนาความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและนำภาพลักษณ์ไทยสู่สากล และ 5.พัฒนากฎหมายและยกระดับการบริหารจัดการวัฒนธรรมสู่ระดับสากล ขณะเดียวกัน วธ. ยังได้นำเสนอโครงการเร่งด่วน 2 โครงการ คือ 1.การพัฒนาพื้นที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการแสดงและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวัฒนธรรมระดับโลก และ 2.การก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งธรณีพิบัติภัยสึนามิ จ.พังงา เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงความรู้และวัฒนธรรม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวอีกว่า คณะอนุกรรมาธิการฯ ได้แสดงความชื่นชมและยินดีบูรณาการความร่วมมือกับ วธ. ในการขับเคลื่อนตามนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ที่ วธ. นำเสนอทั้งในเรื่องของการสนับสนุนการดำเนินงานตามนโยบายประเทศไทย 4.0 โดยส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ใน 5 ด้าน ได้แก่ มวยไทย (Fighting) เทศกาลและประเพณีไทย(Festivals) อาหารไทย(Foods) แฟชั่น (Fashions) และภาพยนตร์ (Films) ให้แพร่หลายไปสู่ระดับสากล อีกทั้งจะช่วยสนับสนุนโครงการเร่งด่วนทั้ง 2 โครงการ รวมทั้งการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยในต่างประเทศ การใช้วัฒนธรรมสร้างคนดีและสังคมดีนำความเป็นไทยสู่สากล และกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี
รวมถึงจะช่วยผลักดันการแก้ไขปรับปรุงและพัฒนากฎหมายด้านวัฒนธรรมให้มีความทันสมัย ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 6 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504พ.ร.บ.สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ พ.ศ.2550 พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 พ.ร.บ.วัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ.2553พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 และร่างพ.ร.บ.หอสมุดแห่งชาติ พ.ศ.... เนื่องจากเรื่องเหล่านี้สอดคล้องกับภารกิจและแผนงานของคณะอนุกรรมาธิการฯ
นายวีระ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ คณะอนุกรรมาธิการฯ มีข้อเสนอแนะให้ วธ. เร่งขับเคลื่อนการบูรณะและพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาตามแผนแม่บทการบริหารอนุรักษ์ เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวด้านวัฒนธรรมและแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ โดยเปิดโอกาสให้เอกชนและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากขึ้น รวมทั้งรณรงค์การแต่งกายด้วยผ้าไทยทั้งในกลุ่มเด็ก เยาวชนและประชาชนให้แพร่หลายกว้างขวางมากยิ่งขึ้นด้วย