นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2559 บริษัทมีรายได้รวม 4,685.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.07% เมื่อเทียบกับปี 2558 ที่มีรายได้ 4,295.86 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 113.32 ล้านบาท ลดลง 58.39% เมื่อเทียบกับปี 2558 ที่มีกำไรสุทธิ 272.35 ล้านบาท
อันเป็นผลมาจากการจ่ายค่าอ้อยขั้นต้นให้เกษตรกรในฤดูกาลผลิตปี 2559/60 ที่บริษัทเริ่มเปิดรับหีบอ้อยตั้งแต่เดือนธันวาคม เพิ่มสูงขึ้นตามราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลก โดยมีการบันทึกต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 84 ล้านบาทในปี 2559 ซึ่งบริษัทจะสามารถรับรู้รายได้จากการขายน้ำตาลที่สูงขึ้นในช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสที่สองของปี 2560
นอกจากนี้บริษัทยังได้ตั้งสำรองสินทรัพย์ที่มีการด้อยค่าจากกรณีถังเก็บกากน้ำตาล (โมลาส) เสียหายประมาณ 44 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาชดเชยค่าสินไหมจากบริษัทประกัน และมีการตั้งสำรองค่าเครื่องจักรจากการขยายกำลังการผลิต
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัท ได้มีมติจ่ายเงินปันผล จากผลการดำเนินงานปี 2559 โดยจ่ายเป็นหุ้นปันผล 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ และจ่ายปันผลเป็นเงินสดหุ้นละ 0.02 บาท จากนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทที่ตั้งไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิในงบการเงินรวม โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนวันที่ 9 พฤษภาคม 2560 และขึ้นเครื่องหมายวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล 3 พฤษภาคม 2560
สำหรับฤดูการผลิตปี 2559/60 บริษัทตั้งเป้าอ้อยเข้าหีบกว่า 2.2 ล้านตันเพิ่มขึ้นจากฤดูการผลิตก่อนหน้าที่มีปริมาณอ้อย 2.06 ล้านตัน และคาดว่าจะมีผลผลิตน้ำตาลประมาณ 250,000 ตัน พร้อมกันนี้ บริษัทยังมุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านผลผลิตและการส่งเสริมเกษตรกรรายใหม่ให้เปลี่ยนจากพืชชนิดอื่นมาปลูกอ้อยทำให้ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณอ้อยเข้าหีบแตะ 3 ล้านตันในอีก 1 – 2 ปีข้างหน้า
ขณะที่ ทิศทางราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงกว่าระดับ 20 เซนต์ต่อปอนด์ จากภาวการณ์ผลผลิตน้ำตาลทรายของประเทศผู้ผลิตสำคัญลดลงทั้ง อินเดียและจีน อันเนื่องมาจากปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงและการเข้ามาแย่งพื้นที่ของพืชชนิดอื่นๆ ทำให้คาดการณ์ได้ว่าราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกน่าจะทรงตัวในระดับนี้ จนถึง ปี 2561
นายอนันต์ ระบุด้วยว่า บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลเพื่อขอจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)แล้ว โดยขายโรงไฟฟ้า 2 แห่งกำลังผลิตรวม 19.8 เมกะวัตต์ เข้ากองทุน และบริษัทจะเข้าถือในสัดส่วน 33.33% เพื่อระดมทุนนำเม็ดเงินไปใช้ในการขยายธุรกิจเพิ่มเติม