สเต็ดเล่อร์ ประเทศไทย มีโรงงานผลิต 2 แห่งในประเทศไทย ได้แก่ บริษัท สเต็ดเล่อร์ แมนูแฟคเจอร์ริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (ก่อตั้ง เมื่อ พ.ศ. 2532) ผลิตปากกาลูกลื่น, ยางลบ และไม้บรรทัด ตั้งอยู่ที่ลาดกระบัง และบริษัท ดินสอ สยาม จำกัด (ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2544) ผลิตดินสอกราไฟท์และดินสอสี ตั้งอยู่ในย่านหนองจอก กรุงเทพฯ
คุณมาร์คุส แฮนเฟียส กรรมการผู้จัดการ สเต็ดเล่อร์ ประเทศไทย ได้กล่าวอธิบายว่า การขยายกิจการนี้เป็นแผนงานส่วนหนึ่งที่จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ของสเต็ดเล่อร์เข้าถึงกลุ่มตลาดต่างๆ ทั้งกลุ่มตลาดที่มีอยู่เดิม ตลาดใหม่ และตลาดที่จะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอื่นๆ
"เราต้องการเพิ่มยอดขายในประเทศไทย พร้อมทั้งส่งออกผลิตภัณฑ์สเต็ดเล่อร์จากประเทศไทยไปทั่วโลกอีกด้วย ผลิตภัณฑ์ของเราเป็นการผสมผสานระหว่างคุณภาพมาตรฐานเยอรมัน และนวัตกรรมทันสมัย ซึ่งรวมถึงเครื่องจักรที่ใช้ในฐานการผลิตที่มีประสิทธิภาพในด้านของการทำงานและความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แน่นอนว่าเราจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและตอบโจทย์ลูกค้าทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นๆในเอเชีย จึงช่วยให้เราเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้เรายังสามารถตอบโจทย์ความต้องการและความคาดหวังของผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวเอเชียได้ดียิ่งขึ้นด้วย"
"สเต็ดเล่อร์ ประเทศไทย ส่งออกสินค้าไปกว่า 60 ประเทศและภายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยส่งออกไปยังประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม เมียนมาร์ กัมพูชา ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น รวมไปถึงออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เรามองว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของตลาดเอเชีย บอกได้เลยว่า เราพร้อมที่จะเห็นการเติบโตทั้งในด้านการผลิตและการขายในช่วงระยะเวลาเร็วๆนี้แล้ว"
สเต็ดเล่อร์เป็นแบรนด์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายมากว่า 180 ปีและได้การยอมรับในระดับโลกในเรื่องผลิตภัณฑ์คุณภาพชั้นเยี่ยมและมีมาตรฐานการผลิตสูง โดยส่งออกไปยังกว่า 150 ประเทศ สเต็ดเล่อร์ ประเทศไทย จึงต่อยอดความสำเร็จนี้โดยวางกลยุทธ์ให้สเต็ดเล่อร์ก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตเครื่องเขียนเบอร์ 1 ของประเทศไทย ผลิตภัณฑ์ขายดีที่สุด 3 อันดับของสเต็ดเล่อร์ ได้แก่ ดินสอ ยางลบ และปากกาหัวเข็ม และในพ.ศ. 2559 สเต็ดเล่อร์มียอดจำหน่ายในประเทศไทยทั้งสิ้น 830 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตในประเทศไทยประมาณ 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา
คุณมาร์คุสกล่าวเสริมว่า สเต็ดเล่อร์ ประเทศไทยมีแผนกลยุทธ์การตลาดในปีหน้าที่จะรุกยอดขายในตลาดนักเรียนนักศึกษา ถึงแม้ว่าตลาดเครื่องเขียนในประเทศไทยจะมีการแข่งขันสูงมาก แต่ก็เชื่อมั่นว่าลูกค้าในภูมิภาคนี้จะยังคงให้ความสนใจและไว้วางใจในผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงของสเต็ดเล่อร์ต่อไปอย่างแน่นอน
ดร. คอนสแตนติน เชสชก้า ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี กลุ่มบริษัทสเต็ดเล่อร์ ชี้แจงว่าทางบริษัทฯมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ก้าวทันยุคดิจิตัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สิ่งหนึ่งที่ทางสเต็ดเล่อร์เชื่อถือมาตลอด คือการไม่หยุดนิ่งในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัย ทำให้บริษัทเครื่องเขียนชั้นนำแห่งนี้ สามารถผลิตและพัฒนาสินค้าที่ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า แต่ยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานอีกด้วย
การสร้างสรรค์อุปกรณ์ในระบบอนาล็อกก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญอยู่ถึงแม้ว่าในปัจจุบันนี้โลกของเราจะเข้าสู่ยุคดิจิตอลมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ตาม เช่นตัวอย่างที่เห็นได้จากกระแสความนิยมที่คนวัยผู้ใหญ่ทั่วโลกหันมาวาดภาพระบายสี ซึ่งทำให้สมุดระบายสีสำหรับผู้ใหญ่กลับมาเป็นที่นิยมอย่างมาก จึงส่งผลให้ดินสอสีและปากกาเมจิกของสเต็ดเล่อร์เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมากด้วยเช่นกัน ใน พ.ศ. 2558 และ 2559 กลุ่มบริษัทสเต็ดเล่อร์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2378 มียอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ปัจจัยที่เหนือความคาดหมายอย่างหนึ่งที่ช่วยผลักดันยอดขายนี้ก็คือปรากฏการณ์ที่คนวัยผู้ใหญ่ทั่วโลกหันมาจับดินสอระบายสีนั่นเอง
แต่ดร. คอนสแตนติน เชสชก้า ไม่คิดว่าเป็นเพราะกระแสนิยมเพียงอย่างเดียว "การที่วัยผู้ใหญ่หันมาวาดภาพระบายสีนั้น เป็นกุญแจสำคัญที่ผลักดันยอดขายของเรา ในภาพรวม 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ผู้บริโภคมีการซื้ออุปกรณ์ศิลปะมากขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องน่าแปลกใจอย่างยิ่งในยุคดิจิตอลเช่นนี้เรามีความเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีระบบอนาล็อก เช่น การวาดเขียนและงานฝีมือ จะมีบทบาทสำคัญที่ช่วยเติมเต็มโลกดิจิตอล เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้ช่วยสร้างพืน้ ฐานในการพัฒนาของมนุษย์"
เมื่อ 10 ปีก่อน สเต็ดเล่อร์ได้ลงนามในกฎบัตรด้านสังคมระหว่างประเทศเพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและแถลงความรับผิดชอบต่อสังคมสำหรับพนักงานของบริษัทฯ คำมั่นสัญญานี้ขององค์กรมีความสำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินกิจการในประเทศไทยตามที่คุณยุททา วิงเคิลสเตรเตอร์ หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลของกลุ่มบริษัทสเต็ดเล่อร์กล่าว
"ส่วนหนึ่งของความสำเร็จของสเต็ดเล่อร์เกิดจากบุคลากรที่มีทักษะฝีมือและขยันขันแข็งซึ่งรวมตัวกันเป็นทีมงานที่แข็งแกร่งของบริษัทเราสำหรับในประเทศไทยแล้ว หลักการความเป็นธรรมในสังคม ค่าจ้างแรงงานที่ยุติธรรม และสวัสดิการแรงงานเปรียบเสมือนเสาหลักที่เรายึดปฏิบัติ และฐานะที่เป็นกลุ่มบริษัท เราจึงได้รับการตรวจสอบการดำเนินงานทั้งภายในองค์กรและจากภายนอกองค์กร และในขณะที่เราขยายกิจการนี้ พนักงานของเราก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จดังกล่าว"