นางนิชา สมบูรณ์เวชชการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อ้วยอันโอสถ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายยาสมุนไพรมายาวนาน 70 ปี ดูแลด้านการตลาดและฝ่ายบุคคล เปิดเผยว่า ปี 2559 อ้วยอันโอสถมียอดขายประมาณ 430 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 10 จากปี 2558 โดย 80 % ของยอดขายของอ้วยอันโอสถมาจากยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่จำหน่ายตามร้านขายยาทั่วประเทศและร้านสะดวกซื้อ ซึ่งกลุ่มนี้เติบโตร้อยละ 25 % เมื่อเทียบกับยอดขายในกลุ่มเดียวกันในปี 2558
ในปีที่ผ่านมาบริษัทเน้นการตลาดแนวรุก โดยมีการสร้างและตอกย้ำแบรนด์อ้วยอันโอสถให้ผู้บริโภครู้จักและเลือกที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ และครั้งแรกของอ้วยอันโอสถที่มีการใช้พรีเซนเตอร์เป็นนางเอกระดับแถวหน้าของเมืองไทย แต้ว - ณฐพร เตมีรักษ์ เป็นพรีเซนต์สมุนไพรยาขมิ้นชันแคปซูล โดยการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ และสื่อออนไลน์ การสร้างภาพลักษณ์ของบริษัทผ่านกิจกรรมต่างๆ ดังนั้นกลยุทธ์การตลาดปี 2560 ก็ต่อเนื่องมาจากปีที่แล้วตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 จนถึงไตรมาส 2 ของปี 2560 มีการใช้สื่อโฆษณาขมิ้นชันผ่านสื่อต่างๆ เช่น ป้ายโฆษณาจอ LED ขนาดใหญ่ทั่วกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด สื่อประชาสัมพันธ์บนสถานีรถไฟฟ้า การ Wrap รถโดยสารประจำทาง รวมถึงสื่อออนไลน์ ซึ่งสามารถสร้าง Brand Awareness ได้เป็นอย่างดี โดยครึ่งปีแรกของปี 2560 ยังคงโฟกัสที่ผลิตภัณฑ์ขมิ้นชัน ซึ่งมียอดขายคิดเป็น 15% ของยอดขายทั้งหมด จัดกิจกรรมทางการตลาดทั้งใน กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดร่วมกับพรีเซนเตอร์ ในส่วนครึ่งปีหลังจะเจาะตลาดทั้ง Nationwide ให้มากขึ้น สำหรับงบการตลาด โฆษณา ประชาสัมพันธ์ต่างๆ ประมาณร้อยละ 5 ของยอดขายทั้งหมด โดยในปี 2560 บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโตร้อยละ 25
"ที่เลือก แต้ว - ณฐพร เตมีรักษ์ เป็นพรีเซ็นเตอร์สมุนไพรขมิ้นชัน เพราะทางอ้วยอันโอสถต้องการขยายกลุ่มลูกค้าที่ใช้สมุนไพรให้กว้างขึ้น ตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงผู้สูงวัย การที่มี แต้ว - ณฐพร ซึ่งเป็นดาราที่มีชื่อเสียงมีไลฟ์สไตล์ที่รักและใส่ใจในสุขภาพของตัวเอง ซึ่งตรงกับภาพลักษณ์ของสินค้าและตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าแบรนด์อ้วยอันโอสถ
ปัจจุบันตลาดยาสมุนไพรมีการแข่งขันสูงมาก ปัจจัยสำคัญเนื่องจากเทรนด์รักสุขภาพมาแรงทำให้ทุกคนตื่นตัวให้ความสนใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้นทั้งออกกำลังกาย ปรับวิธีทานอาหารหรือหาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและยาจากสมุนไพรเพื่อรักษาตนเองเบื้องต้นก่อนจะไปพบแพทย์ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลายบริษัทได้ตั้งขึ้นมา
เพื่อผลิตยาจากสมุนไพร ข้อมูลของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติรายงานว่า ความต้องการสมุนไพรในตลาดโลกมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี โดยองค์การอนามัยโลกได้ประเมินว่าตลาดโลกจะมีความต้องการสมุนไพรเพื่อเป็นส่วนประกอบของยา อาหาร ตลอดจน ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ต่อปี สอดคล้องกับข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขที่ได้ระบุว่ามูลค่าการตลาดของผลิตภัณฑ์สมุนไพรในตลาดโลกปี พ.ศ. 2555 มีมูลค่าสูงถึง 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเฉพาะสมุนไพรในกลุ่มของผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องดื่มสมุนไพรและยาสมุนไพร โดยมีประเทศจีนและอินเดียเป็นผู้ครองตลาดการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพร
นางนิชา กล่าวต่อว่า สำหรับผู้บริโภคในประเทศไทยได้ให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์ที่พัฒนามาจากสมุนไพรและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเช่นเดียวกัน ข้อมูลสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กลุ่มสมุนไพร) เพื่อใช้ในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาสมุนไพรไทย (พ.ศ. 2556-2560) ในรายงานกล่าวถึง มูลค่าการตลาดยาจากสมุนไพรในประเทศ ประมาณ 10,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มที่จะเติบโตในอัตราร้อยละ 20 ดังนั้นอ้วยอันโอสถจึงไม่หยุดนิ่งในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ โดยเมื่อปี 2559 ได้เปิดตัวแบรนด์มิสเตอร์เฮิร์บ คอนเซ็ปต์ของแบรนด์เป็นสมุนไพรสำหรับคนรุ่นใหม่และสำหรับเด็ก ซึ่งไม่ทับกับสินค้าของแบรนด์อ้วยอันโอสถที่มีอยู่ เช่น ยาอมสมุนไพรรสทับทิม จินเจอร์ไลม์ และมัลเบอร์รี่ และยาน้ำแก้ไอสำหรับเด็ก สำหรับปีนี้จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่จากแบรนด์มิสเตอร์เฮิร์บที่กำลังจะออกสู่ท้องตลาดคือยาน้ำขับลมมิสเตอร์เฮิร์บและผลิตภัณฑ์อื่นๆอีก 2-3 ตัว
ด้านนายชนรรค์ สมบูรณ์เวชชการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อ้วยอันโอสถ จำกัด ดูแลฝ่ายผลิต การควบคุมคุณภาพ R&D รวมถึง Export สินค้าไปยังต่างประเทศ กล่าวเสริมว่า สำหรับตลาดต่างประเทศมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 5 ของยอดขายทั้งหมด เรามีแผนในการขยายตลาดไปในประเทศ AEC ด้วยมาตรฐานการผลิต GMP PIC/S และระบบเอกสารที่สามารถตรวจสอบได้ เช่นการเก็บผลิตภัณฑ์ที่ผลิตแล้วมาตรวจย้อนหลัง หรือ stability test เพื่อตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์นั้นยังมีมาตรฐานที่ดีทั้งด้านสารสำคัญและกายภาพหรือไม่ ปัจจุบันเรามีการส่งออกสินค้าไปในประเทศเพื่อนบ้านคือลาว และมีการดำเนินการจดทะเบียนสินค้าที่เวียดนาม โดยมีผู้แทนจำหน่ายเป็นตัวแทนของเรา นอกจากประเทศเพื่อนบ้าน ยังมีการส่งออกผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ประเทศ ออสเตรีย อิสราเอล และ บัลแกเรีย อ้วยอันโอสถยังคงจุดแข็งด้วยคุณภาพของสินค้าภายใต้มาตรฐาน ASEAN PIC/S เป็นมาตรฐานที่สูงที่สุดของยาแผนโบราณเทียบเท่ากับยาแผนปัจจุบัน ซึ่งในประเทศไทยนั้นมีเพียง 20 ผู้ผลิตที่ได้รับมาตรฐานนี้
ในส่วนของเรื่อง innovation หรือ นวัตกรรมอ้วยอันโอสถเติมโตมา 70 ปี เริ่มตั้งแต่รุ่นแรกคุณปู่ปั้นยาลูกกลอนด้วยเครื่องจักรที่ไม่ซับซ้อนกึ่งอัตโนมัติ โดยยาลูกกลอนต้องรับประทานในปริมาตรสูง 5-10 เม็ด และต้องสัมผัสถึงรสชาติยาโดยตรง ส่วนในรุ่นสองคุณพ่อพัฒนาโดยนำยามาบรรจุแคปซูล เพื่อที่ผู้บริโภคจะได้ไม่ต้องสัมผัสกับรสชาติยา แต่ยังต้องรับประทานในปริมาตรสูงอยู่ 3-4 แคปซูลต่อครั้ง มีโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐานและทันสมัย มาถึงรุ่น 3 ตนเองก็เริ่มนำนวัตกรรมทั้งในด้านเทคโนโลยี และงานวิจัยในการใช้ยาสมุนไพร เข้ามาปรับใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของตัวยา เช่น ยาขมิ้นชันพลัส นำขมิ้นชันมาสกัดด้วยวิธี solvent extraction ละลายตัวยาสำคัญ oil separation การแยกน้ำมัน evaporation การระเหยเฉียบพลัน และ spray drying การทำสารสกัดผง เพื่อเพิ่มความเข้มข้นและลดปริมาตรที่ใช้ในการรับประทานของผู้บริโภค เหนือกว่านั้นยังได้ผสมตัวยาที่ทำให้สาร curcuminoid ในขมิ้นชันได้ถูกซึมซับโดยระบบเลือดเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว ปริมาตรรับประทานของขมิ้นชันพลัสคือ 1 แคปซูล น้อยกว่ายาขมิ้นชันที่ต้องรับประทานถึง 3 แคปซูล
นายชนรรค์ กล่าวปิดท้ายว่า นอกจากมาตรฐานด้าน GMP แล้วทางอ้วยอันโอสถยังมีระบบการตรวจสารสำคัญก่อนที่จะนำมาผลิต เพื่อให้ผู้บริโภคได้มั่นใจว่าทุกแคปซูลของผลิตภัณฑ์อ้วยอันโอสถมีคุณค่าของสมุนไพรอย่างที่ระบุไว้ข้างฉลาก เครื่อง spectophotometer และ high performance liquid chromatography (HPLC) สามารถวิเคราะห์สารสำคัญในสมุนไพร เช่น total curcuminoid ในขมิ้นชัน sennoside B ในมะขามแขก และสารต่อต้านอนุมูลอิสระ antioxidant ในสมุนไพรต่างๆ ทางอ้วยอันได้ทำการศึกษาและรวบรวมข้อมูลในการผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของผู้บริโภค