นายขจรพงศ์ คำดี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็นเนอร์ยี่เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) (EARTH) เปิดเผยว่าปี 2560 จะเป็นปีแห่งการกลับมาเทิร์นอะราวด์อย่างชัดเจนของกลุ่มบริษัทฯ โดยตั้งเป้าปริมาณการจัดจำหน่ายถ่านหินจะเติบโตแบบก้าวกระโดดอยู่ที่ 15 ล้านตัน ส่วนรายได้จากการขายถ่านหินตั้งเป้าไว้ที่ 30,000 ล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 50 % เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 872 ล้านบาท ขณะที่ปริมาณการจัดจำหน่ายถ่านหินอยู่ที่ระดับ 12.6 ล้านตัน และรายได้จากการขายถ่านหินเท่ากับ 18,491 ล้านบาท
โดยสาเหตุเนื่องมาจากกลุ่มบริษัทฯ สามารถจำหน่ายถ่านหินได้ในปริมาณที่สูงขึ้นตามออเดอร์ที่มีเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะลูกค้ารายใหญ่ที่เป็นโรงไฟฟ้าที่ประเทศจีน หลังจากที่มีการปิดเหมืองที่ไม่ได้มาตรฐานลง ซึ่งออเดอร์จากจีนที่เข้ามานั้นผ่านบริษัทย่อยของ EARTH ที่ตั้งอยู่ประเทศจีน คือ Guangdong Energy Earth Co.,ltd ที่มีออเดอร์แล้วประมาณ 60% ประกอบกับราคาถ่านหินจำหน่ายเฉลี่ยต่อตันปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะราคาตลาดโลก ขณะที่คำสั่งซื้อจากลูกค้าที่ประเทศไทย เกาหลีใต้ อินเดีย บังคลาเทศ ใต้หวัน และฮ่องกงยังคงมีเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับทิศทางราคาถ่านหินปีนี้ คาดการณ์ว่าน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 20 % จากปี 2559 โดยคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 55-60 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ซึ่งราคาถ่านหินที่ปรับตัวขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ ได้รับผลดีค่อนข้างมากทั้งในแง่ของปริมาณและรายได้ที่เพิ่มขึ้น โดยเชื่อว่าต่อจากนี้ความต้องการใช้ถ่านหินจะยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
"ปีนี้ถือเป็นปีแห่งการก้าวสู่โหมดของการกลับมาเทิร์นอะราวด์อย่างยิ่งใหญ่ของกลุ่มบริษัทฯ เนื่องจากได้รับผลดีจากราคาถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ออเดอร์ยังมีเข้ามาไม่ขาดสาย โดยเฉพาะลูกค้าจากประเทศจีนที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาแล้ว 60% ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ ยังคงเน้นไปที่การบริหารจัดการในธุรกิจจัดจำหน่ายถ่านหินให้เติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ โดยเฉพาะเรื่องการบริหารต้นทุน การรักษาผลประกอบการ รักษาฐานลูกค้าเก่า ขยายฐานลูกค้าใหม่ให้เติบโตมากกว่าที่เป็นอยู่ ส่วนการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้า บริษัทฯ ยังไม่มีนโยบายที่จะลงทุนในขณะนี้ " นายขจรพงศ์ กล่าวในที่สุด
อย่างไรก็ตามจากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นดังกล่าว การประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 1/2560 จึงได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผล สำหรับงวดครึ่งหลังปี 2559 ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด เพิ่มอีกในอัตรา หุ้นละ 0.10 บาท จำนวน 3,536,601,827 หุ้น รวมกับเงินปันผลงวดครึ่งปีแรกที่บริษัทได้จ่ายไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท รวมจ่ายเงินปันผลงวดปี 2559 ในอัตรา 0.15 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินปันผลจ่ายทั้งสิ้นจำนวน 528.84 ล้านบาท
โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อ ปรากฎ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 13 มีค.60 และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลัก ทรัพย์ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2551 โดยประกาศปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 14 มีค.60 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 9 มีค.60และกำหนดวันจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 19 พค.60