นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ประจำปี 2559 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 61,144.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,900.90 ล้านบาท หรือ 8.71% เมื่อเทียบกับปีก่อน และบริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,125.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น626.39 ล้านบาท หรือ 17.90% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ซึ่งปัจจัยที่ทำให้บริษัทฯ มีผลประกอบการเติบโตมาจากรายได้จากการขาย จำนวน 56,928.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,415.65 ล้านบาท หรือ 8.41% จากยอดขายของโฮมโปร เมกาโฮม และโฮมโปรในประเทศมาเลเซีย เป็นการเติบโตของรายได้สาขาเดิม และจากการขยายสาขาใหม่ ซึ่งบริษัทฯ ได้เปิดสาขาใหม่ทั้งสิ้น 9 สาขา ในรูปแบบโฮมโปร4 สาขา รูปแบบเมกา โฮม 4 สาขา นอกจากนี้บริษัทฯ ได้เปิดสาขาในรูปแบบโฮมโปร ที่ประเทศมาเลเซียอีก 1 สาขา
ทั้งนี้บริษัทฯ ยังมีรายได้จากค่าเช่า และบริการอีกจำนวน 1,705.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 228.62 ล้านบาท หรือ15.48% เป็นผลมาจากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นของพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้ามาร์เกต วิลเลจ รวมถึงรายได้ค่าเช่าที่สูงขึ้นจากพื้นที่ให้เช่าเพิ่มเติมของสาขาโฮมโปรด้วย
นายคุณวุฒิ กล่าวต่อเพิ่มเติมอีกว่า ส่วนรายได้อื่นๆ จำนวน 2,509.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 256.63 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11.39% มาจากการเติบโตของรายได้ส่งเสริมการขาย ค่าสนับสนุนกิจกรรม รวมถึงรายได้จากค่าบริการ"Home Service" จากลูกค้า
ในส่วนกำไรขั้นต้นของบริษัทฯ สำหรับปี 2559 จำนวน 14,523.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,010.73 ล้านบาท หรือ7.48% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขาย อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายลดลงจาก 25.73% ในปี 2558 เป็น 25.51% ซึ่งเป็นผลมาจากโครงสร้างอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจเมกา โฮม ที่ต่ำกว่าธุรกิจโฮมโปร และส่วนผสมยอดขายของธุรกิจเมกา โฮม ที่มีสัดส่วนที่สูงขึ้น
ปัจจุบันโฮมโปรมีสาขาอยู่ทั้งสิ้น 80 สาขา โดยในปี 2559 เปิด 4 สาขาใหม่ โดยมีสาขาชัยพฤกษ์ บางเสร่ พระราม 9 และศรีนครินทร์ รวมถึงย้ายสาขาพระราม 3 จากที่อยู่บนศูนย์การค้ามาเป็นที่ดินของบริษัทฯ เอง ในขณะที่ธุรกิจ เมกา โฮม สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ และปรับตัวได้ดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยในปี 2559 เปิด 4 สาขาใหม่ ได้แก่ สาขาโรจนะ หาดใหญ่ นครราชสีมา และนครพนม รวม ณ สิ้นปี 2559 มีสาขาทั้งสิ้น 11 สาขา สำหรับธุรกิจโฮมโปรในประเทศมาเลเซีย บริษัทฯ ได้เปิดสาขาเพิ่มอีก 1 แห่ง ในกัวลาลัมเปอร์ ศูนย์การค้า ซัมมิท ยูเอสเจ รวมเป็น 2 สาขาในประเทศมาเลเซีย นายคุณวุฒิ กล่าวสรุปในตอนท้าย