'แม็คกรุ๊ป'คาดรายได้ขายปีนี้โต 12-15% ตั้งงบ 70 ลบ. ขยายสาขา-พัฒนาช่องทางออนไลน์

จันทร์ ๐๖ มีนาคม ๒๐๑๗ ๑๐:๑๙
บมจ.แม็คกรุ๊ป (MC) มุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจเครื่องแต่งกายและไลฟ์สไตล์ในภูมิภาคเอเชีย ต่อยอดการเป็น แบรนด์สินค้าเครื่องแต่งกายยีนส์ มาเป็นสินค้าไลฟ์สไตล์แบรนด์ โดยขยายไลน์โปรดักต์ เช่น รองเท้า กระเป๋าเดินทาง และสกินแคร์

นางสาวสุณี เสรีภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวถึงแผนธุรกิจว่า สำหรับปี 2560 แนวโน้มของ MC ยังคงเน้นการเติบโตของรายได้จากการขายและผลกำไร โดยคาดว่ายอดขายจะเติบโตประมาณ 12%-15% จากการเติบโตของยอดขายต่อร้านเดิมโดยสินค้าหลักยังคงเป็นเครื่องแต่งกายยีนส์ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญและเป็น ผู้นำในตลาด ขณะเดียวกันก็จะพัฒนาสินค้าไลฟ์สไตล์กลุ่มใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเน้นการจำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกของตนเอง ขยายธุรกิจไปยังตลาดในภูมิภาคผ่านตัวแทนจำหน่าย ศึกษาตลาดใหม่เพิ่มเติม ตลอดจนพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์ ซึ่งเป็นช่องทางที่เพิ่มโอกาสในการขาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าตามเทรนด์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

นายบัณฑิต ประดิษฐ์สุขถาวร ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินและบัญชี กล่าวเพิ่มเติมว่า "บริษัทประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2560 ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า และคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 70 ล้านบาท ในปี 2560 สำหรับขยายสาขาประมาณ 20-25 จุดขาย พัฒนาช่องทางออนไลน์ และระบบการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relationship Management หรือ CRM) ทั้งนี้บริษัทคาดว่าระยะเวลาการขายสินค้าสำเร็จรูปโดยรวม ณ สิ้นปี 2560 จะลดลงมาอยู่ในระดับ 315 วัน

สำหรับธุรกิจนาฬิกาซึ่งดำเนินการโดยบริษัท ไทม์ เดคโค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ("TDC") บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นในสัดส่วน 51% นั้น ได้มีการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการ และปรับแผนธุรกิจใหม่ในไตรมาส 4/59 โดยเริ่มปรับสินค้า ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น มีรายการส่งเสริมการขายที่น่าสนใจและคุ้มค่ามากขึ้น ตลอดจนเพิ่ม ช่องทางการจัดจำหน่ายเพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ เช่น การขายผ่านช่องทางออนไลน์ของบริษัท และการขายให้ ลูกค้าองค์กร และการขายผ่าน TV Shopping เป็นต้น โดยมั่นใจว่าผลการดำเนินงานของธุรกิจนาฬิกาจะมีทิศทางที่ดีขึ้นในปี 60

บริษัทระบุอีกว่ามีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นองค์กรธุรกิจชั้นนำของเอเชีย ในด้านเครื่องแต่งกายและสินค้าไลฟ์สไตล์ ด้วยการบริหารแบรนด์ที่หลากหลาย บริษัทได้จัดทำแผนกลยุทธ์ GREAT Strategy ที่มีเป้าหมายทางธุรกิจ การเงิน และการเติบโตของรายได้จากการขายที่อัตราเฉลี่ย 15% ต่อปี ตั้งแต่ปี 57-61 ซึ่ง สามารถสรุปได้ดังนี้

ตามแผน GR (Growth) สร้างการเติบโตของรายได้จากการขาย จากสินค้าหลักและพัฒนาสินค้าไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ที่มีนวัตกรรมที่เป็นที่ยอมรับผ่านจุดขายทั้งประเภทออฟไลน์ และออนไลน์ ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า รักษาความเป็นแบรนด์ยีนส์ชั้นนำของประเทศ

E (Efficiency) บริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างเหมาะสม บริหารต้นทุนการดำเนินงานและพื้นที่จุดขายให้ มีประสิทธิภาพ เพิ่มมากขึ้น ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์ ตลอดจนผสมผสานข้อมูลและการดำเนินงาน ของช่องทางต่าง ๆ เข้าด้วยกันทั้งหมดเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็น Omni channel

A (Asia Brand) พัฒนาโปรแกรมสำหรับตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ (Dealership program) ในกลุ่มประเทศเมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม (CLMV) ให้แข็งแกร่งขึ้น

T (Talented Team) มุ่งเน้นพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ให้มีศักยภาพ มีความเข้าใจและสามารถตอบสนองการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ธุรกิจในแต่ละช่วงเวลาได้ อย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในระยะยาวอย่างยั่งยืน

นางสาวเพียงขวัญ สีสุทธิโพธิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส แผนกบริหารตราสินค้า (Mc Jeans) กล่าวเพิ่มเติมว่า สืบเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ผู้บริโภคยังควรใช้จ่ายด้วยความระมัดระวัง แบรนด์ Mc Jeans ยังคงมุ่งเน้นมอบความคุ้มค่าและความสุขให้กับผู้บริโภคคนไทยต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว โดยเน้น การมอบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่เต็มเปี่ยมคุณภาพเกินราคา นอกเหนือจากคุณภาพผ้าและการผลิตคุณภาพชั้นนำระดับประเทศที่เป็นหัวใจของแม็คมาตลอดแล้ว แม็คเน้นการออกแบบรูปทรงและStyling ที่ช่วยให้ลูกค้าของเราที่อาจมีหุ่นและสไตล์การแต่งตัวที่ไม่เหมือนกันให้ดูดีในความเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด นอกจากนี้แล้ว แม็คไม่หยุดยั่งที่จะพัฒนาสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น Technology ของเนื้อผ้าที่จะเน้นการใช้งานในLifestyleเฉพาะอย่าง หรือเหมาะกับสภาพอากาศอบอ้าวของไทยเรา หรือแม้กระทั้ง นวัตกรรมการผลิตเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกสบายเมื่อสวมใส่มากขึ้น โดยรูปแปบบการดีไซน์ก็ทันสมัยโดยคง ความเป็น Authentic Jeans เต็มเปี่ยมและเรายังมุ่งเน้นให้ผู้บริโภคคือความคุ้มค่าและความสุขกับประสบการณ์ใหม่ๆ ในการลองหรือใช้สินค้าLifestyle ใหม่ๆจากแม็ค เช่นกระเป๋าเป๋ กระเป๋าเดินทาง หรือแม้กระทั้งใหม่ล่าสุด Beauty care แบรนด์ M&C ทั้งน้ำหอม Lotion และ Shower gel ที่คุณภาพระดับต่างประเทศ

นางสาวสุณี เสรีภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า ปี 2559 เป็นอีกหนึ่งปีแห่งความท้าทายของ ธุรกิจค้าปลีก เนื่องด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปทำให้ผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยด้วย ความระมัดระวัง บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญกับการเติบโตของรายได้จากการขายและผลกำไร โดยเน้นอัตราการเติบโตของยอดขายต่อร้านเดิม (Same-Store-Sales Growth) ที่บริษัทสามารถทำได้สูงถึง 11.1% จากการจำหน่ายเสื้อผ้าและ เครื่องแต่งกายที่มีความหลากหลายขึ้นโดยเฉพาะเสื้อผ้าท่อนบน และด้วยกิจกรรมส่งเสริมการขายรายสัปดาห์ที่สนุกและคุ้มค่าต่อผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเน้นการบริหารช่องทางการขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และบริหารจัดการ Supply Chain ให้เหมาะสม โดยบริษัทสามารถทำสถิติยอดขายใหม่ที่ 4,442 ล้านบาท เติบโต 14.0% จากปี 2558 ใกล้เคียงกับประมาณการอัตราการเติบโตของยอดขายของบริษัทที่ตั้งไว้ที่ 15.0%" ทั้งนี้ ภาพรวมธุรกิจทั้งปี 2559 ตัวเลขอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ