ดร.อังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมาย รายได้ปี 2560 ตั้งเป้าการเติบโต 15% ของรายได้การรักษาพยาบาลปี 2560 จากเป้าหมาย Portfolio ของผู้ป่วยชำระเงินที่ขยายตัวขึ้นบาง Segment ถึง 20-25% ปัจจัยหลักมาจากโครงการศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ที่เปิดให้บริการเพิ่มขึ้นรวมถึงการเปิดการให้บริการของอาคารใหม่ คาดว่าจะทำให้จำนวนผู้มาใช้บริการส่วนนี้เติบโตได้ประมาณ 10% รายได้จากการให้บริการส่วนประกันสังคม คาดว่ายังคงมีแนวโน้มเติบโตในอัตราเฉลี่ยไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมาคือประมาณ 4% สำหรับรายได้จากการบริการของบริษัทย่อยตั้งเป้าหมายเติบโตไม่น้อยกว่า 15-20% จากปีที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายและแรงผลักดันดังกล่าวควบคู่ไปกับการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพจะส่งผลให้กำไรสุทธิรวมของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาได้ไม่น้อยกว่า 25%
สำหรับ 5 ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ (Excellent Center) ซึ่งเป็นไปตามแผนที่บริษัทยื่นไฟลิ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯได้แก่ ศูนย์โรคตาและเลสิค ศูนย์ความงามและเลเซอร์ ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ ศูนย์สมองและระบบประสาท ศูนย์กระดูกและข้อ ปัจจุบันเสร็จสมบูรณ์แล้ว 2 ศูนย์ คือ ศูนย์โรคตาและเลสิค และศูนย์ความงามและเลเซอร์ และในปี 2560 LPH มีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 4 ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์สุขภาพและสตรี ศูนย์สุขภาพเด็ก ศูนย์ตรวจสุขภาพ และศูนย์ทันตกรรม
ส่วนแผนการลงทุนในปี 2560 จะมีการสร้างโรงพยาบาลลาดพร้าว ลำลูกกา มีจำนวน 180 เตียง อยู่ระหว่างเตรียมการขออนุญาตก่อสร้างและจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ช่วงปลายปี 60 และแล้วเสร็จในปี 62 ซึ่งจะทยอยใช้เงินที่ได้จาก IPO มูลค่า 800 ล้านบาท และโครงการศูนย์พักฟื้นผู้สูงอายุ จำนวน 100 เตียง ซึ่งอยู่บริเวณเดียวกับโรงพยาบาล ลาดพร้าว ลำลูกกา
นอกจากนี้แผนการลงทุนในโรงพยาบาลเอกชนที่มีผลกำไร ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา 1 ราย เป็นโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพฯ ซึ่งกำไรของโรงพยาบาลดังกล่าวยังไม่ดีมากนัก จึงต้องดำเนินการปรับโครงสร้าง อย่างไรก็ตาม คาดว่ากระบวนการซื้อจะแล้วเสร็จกลางปี 60 โดยบริษัทได้เตรียมงบลงทุนไว้เดิมประมาณ 200 ล้านบาท แต่จะปรับเพิ่มเป็น 400 ล้านบาท
ดร.อังกูร กล่าวเพิ่มเติมว่า ณ สิ้นปี 59 LPH มีผู้ป่วยที่อยู่ในประกันสังคมอยู่ที่ 1.61 แสนคน ซึ่งเต็มโควต้าแล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปี 59 ซึ่งอยู่ที่ 1.49 แสนคน โดยสัดส่วนรายได้ของบริษัท จะมาจากผู้ป่วยประกันสังคม 45% และผู้ป่วยที่ชำระเงิน 55% นอกจากนี้ คาดว่าในปีนี้จำนวนผู้ป่วยต่างชาติ จะเพิ่มขึ้นประมาณ 10-20% จากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นคน จากผู้ป่วยทั้งหมด 2 แสนคน ซึ่งถือว่าฐานผู้ป่วยต่างชาติยังไม่มาก จึงยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้อีก โดยผู้ป่วยต่างชาติ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเข้ามาทำงานในประเทศไทย
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดปี 2559 (เดือนม.ค.-สิ้นสุดเดือนธ.ค.2559) มีกำไรสุทธิ 155.90 ล้านบาท เติบโตขึ้น 55.21% จากปีที่ผ่านมา ที่มีกำไร 100.45 ล้านบาท มีรายได้ 1,362.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.54% จากงวดเดียวกันของปี 2558 ที่มีรายได้รวม 1,255.70 ล้านบาท โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากการเติบโตของผู้มาใช้บริการโรงพยาบาลและการใช้จ่ายเพื่อสุขภาพที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซันที่มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษามาก ประกอบกับศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ทั้ง 5 ศูนย์ เริ่มสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การขยายฐานที่มากขึ้นของกลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการของบริษัทย่อย AMARC รวมถึงผลตอบแทนการลงทุนกองทุนส่วนบุคคลของโรงพยาบาลที่เติบโตขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา
"ผลประกอบการในรอบปีที่ผ่านมา ออกมาเป็นที่น่าประทับใจทั้งรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทและบริษัทย่อยมีการบริการจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 1,175.15 ล้านบาทได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นเพียง 3.97% จากปีที่ผ่านมา ทั้งที่รายได้เติบโตขึ้น และบริษัทมีค่าใช้จ่ายลงทุนเพิ่มจากการเตรียมเปิดศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง (อาคารใหม่) นอกจากนั้น การที่บริษัทและบริษัทย่อยปลอดภาระหนี้ทางการเงิน ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินลดลงต่ำกว่าปีที่ผ่านมาถึง 84.65%" ดร.อังกูร กล่าว
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติจ่ายปันผลเป็นเงินสด งวดผลการดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2559 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2559 หุ้นละ 0.20 บาท โดยกำหนดวันจ่ายเงินปันผลวันที่ 19 พ.ค. 2559 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 4 เม.ย. 2559