นางวรวรรณ งานทวี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ จำกัด(มหาชน) หรือ ASIMAR กล่าวถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2560 ว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ประมาณ 750 ล้านบาท ปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 260 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทกำลังสรุปราคาเพื่อเสนองานต่อเรือใหม่จากลูกค้าภาคเอกชน มูลค่าประมาณ 240 ล้านบาท และเตรียมเข้าประมูลงานต่อเรือจากหน่วยงานราชการอีก 2 โครงการ นอกจากนี้ บริษัทจะขยายธุรกิจด้านงานโครงสร้างเหล็ก เนื่องจากมองว่าเป็นธุรกิจที่มีโอกาสสร้างรายได้ จากงานโครงสร้างพื้นฐานโครงการขนาดใหญ่ทั้งจากภาครัฐและเอกชน โดยบริษัทมีผลงานโครงสร้างเหล็กที่ผ่านมา เช่น งานโครงสร้างเหล็กที่สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นต้น
สำหรับธุรกิจหลักงานต่อเรือ และซ่อมเรือ ที่ดำเนินมา 37 ปี มีฐานลูกค้าหลักซ่อมเรือทั้งบริษัทเอกชนและราชการให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่งานต่อเรือเอกชนส่วนใหญ่เป็นเรือเพื่อการพาณิชย์ เช่น เรือขนส่งน้ำมัน เรือบรรทุกสินค้าแบบเทกอง และการต่อเรือลูกค้าต่างประเทศ ที่เป็นเรือที่ต้องใช้เทคโนโลยีสูง เช่น เรือวางสายเคเบิลใต้น้ำ แม้ว่าในปี 2559 ผลประกอบการของบริษัทไม่ได้เติบโตมากนัก แต่สามารถสร้างกำไรได้ต่อเนื่อง สาเหตุจากเศรษฐกิจโลกซบเซา ทำให้ลูกค้าชะลอการต่อเรือและซ่อมเรือ แต่แนวโน้มในปี 2560 มีสัญญาณดีขึ้น
ทั้งนี้ โครงสร้างรายได้ของ ASIMAR ในปี 2560 นี้ รายได้หลักๆ จะมาจากการซ่อมเรือ ประมาณ 55-60% ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดไม่ต่ำกว่า 30 % และรายได้จากการต่อเรือ ประมาณ 35-40% ส่วนรายได้งานโครงสร้างเหล็ก ปัจจุบันอยู่ระหว่างสรุปราคาเพื่อเสนองาน มูลค่าประมาณ 25-50 ล้านบาท สำหรับจุดเด่นสำคัญของ ASIMAR คือ สามารถต่อเรือได้ยาวถึง 125 เมตร และจากการขยายกำลังการผลิต เพิ่มสาขาที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทำให้บริษัทมีขีดความสามารถในการรับเรือเข้าซ่อม เฉลี่ย 80-100 ลำต่อปี
"ยอมรับว่าผลงานปี 2559 ที่ผ่านมาของ ASIMAR เติบโตไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ แต่เราหวังว่าในระยะ 1-2 ปีจากนี้ ASIMAR จะกลับมาเทิร์นอะราวน์อย่างค่อยเป็นค่อยไป ปัจจัยหลัก ๆ มาจากอู่ต่อเรือแห่งใหม่ใน จ.สุราษฎร์ธานี ที่เริ่มเปิดดำเนินการในเดือนสิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา และล่าสุดขณะนี้คืบหน้าแล้วกว่า 90% โดยจะเปิดอย่างเป็นทางการในราวเดือนพฤษภาคม 2560 จะช่วยสนับสนุนการรับงานต่อเรือ ซ่อมเรือ ได้เพิ่มมากขึ้นในพื้นที่ทางภาคใต้ ซึ่งอุตสาหกรรมต่อเรือปีนี้ เริ่มฟื้นตัวแต่ไม่หวือหวามองว่าจะฟื้นตัวจริงๆ ในอีก 2 ปีข้างหน้า" นางวรวรรณ กล่าว
ส่วนผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในงวดปี 2559 มีกำไรสุทธิ 48.37 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 46.36 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 90.18 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 614.59 ล้านบาท ลดลง 151.80 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 19.81 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 766.39 ล้านบาท ทั้งนี้ผลการดำเนินงานในปี 59 ที่ผ่านมา รายได้จากการรับจ้างลดลง 157.62 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 20.82 เนื่องจากรายได้จากงานซ่อมเรือลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10.06 จากแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมยังฟื้นตัวอย่างช้าๆ ทำให้เจ้าของเรือมีงบประมาณในการซ่อมทำจำกัด และเกิดการแข่งขันสูงขึ้นระหว่างอู่เรือ รวมถึงรายได้กลุ่มลูกค้าเรือ Offshore ที่ลดลง ซึ่งได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวในระดับต่ำ มีการจอดพักเรือ (Lay-up) เพื่อรอการรับรู้รายได้
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น 0.12 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่ายปันผลวันที่ 2 พฤษภาคม 2560 และขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 14 มีนาคม 2560 ทั้งนี้ บริษัทฯมีนโยบายจ่ายเงินปันผลที่ชัดเจนให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง และ ASIMAR เป็นหุ้น Dividend Stock มีความมั่นใจว่าผลประกอบการของบริษัทฯ ในอนาคตจะเติบโตอย่างมั่นคง ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวังอย่างแน่นอน