นายประเสริฐ ดีจงกิจ เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Senior Vice President และผู้จัดการฝ่ายทุนธนกิจ สายวานิชธนกิจ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนกลุ่มผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันของบริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2/2560 กล่าวถึง การจัดออกหุ้นกู้ของบริษัทฯ ในครั้งนี้ นับได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง เนื่องจากมีนักลงทุนสถาบันให้ความสนใจและจองซื้อหุ้นกู้ทั้ง 2 ชุดของบริษัทฯ เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ยอดความสนใจลงทุนเกินกว่า 2 เท่าของจำนวนหุ้นกู้ที่บริษัทฯ ต้องการจัดออก
การจัดออกหุ้นกู้ครั้งนี้ มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 3,450 ล้านบาท ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.52% ต่อปี มูลค่า 2,000 ล้านบาท และหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.86% ต่อปี มูลค่า 1,450 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ทั้ง 2 ชุดดังกล่าว ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ในระดับ "A-" จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 8-9 มีนาคม 2560 และจัดออกหุ้นกู้ในวันที่ 10 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา โดยมีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด ทำหน้าที่เป็นผู้ร่วมจัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้
นายโกวิท รุ่งวัฒนโสภณ กรรมการผู้จัดการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทางบริษัทฯ ต้องขอขอบคุณผู้ลงทุนสถาบันที่ให้ความสนใจในการลงทุนหุ้นกู้ของบริษัทในครั้งนี้ นับว่าเป็นการจัดออกหุ้นกู้ เสนอขายต่อกลุ่มผู้ลงทุนสถาบันที่มีมูลค่าสูงที่สุดที่บริษัทฯ เคยจัดออกมา สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ความเป็นผู้นำในการให้บริการสินเชื่อรถยนต์มือสอง ประเภทรถเพื่อการพาณิชย์ และรถเฉพาะกิจอื่น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีสถานะเป็นบริษัทลูกของธนาคารธนชาตมาตั้งแต่ปี 2553 โดยธนาคารธนชาตมีสัดส่วนการถือหุ้น คิดเป็น 65.18%
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2559 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 881.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 132.49 ล้านบาท หรือ 17.70% โดยรายได้รวมสำหรับปี 2559 มีจำนวน 2,985.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 203.31 ล้านบาท หรือ 7.31% จากการเน้นการรักษา และดูแลฐานลูกค้าของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่บริษัทฯ มีรายจ่ายทางการเงินจำนวน 946.99 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน จำนวน 69.40 ล้านบาท หรือ 6.83% ซึ่งยังคงลดลงจากการจัดหาเงินกู้ที่มีต้นทุนต่ำ เพื่อรักษาช่องว่างของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับที่บริษัทสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม จำนวน 33,364.87 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 5,009.39 ล้านบาท