ซึ่งการปรับรูปหน้านั้น แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
1 การปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องศัลยกรรม ซึ่งสาวไทยส่วนใหญ่กว่า 80% ไม่ต้องถึงขึ้นนั้น แค่เพียงใช้โบท๊อกฟิลเลอร์ ก็ทำให้สวยขึ้นได้ในพริบตาแต่การปรับรูปหน้าแบบนี้เราต้องทำความเข้าใจถึงยาที่ใช้ในการปรับหน้าให้เรานั้น ว่าแต่ละอย่างมีหน้าที่ทำอะไรได้บ้างเพราะยาแต่ละอย่างมีหน้าที่ไม่เหมือนกันนั่นหมายความว่าการปรับรูปหน้าโดยการไม่ศัลยกรรมนั้นอาจต้องใช้ยาหลายๆชนิดและอาจต้องค่อยเป็นค่อยไป เรามาดูกันว่า 4 อย่างหลักๆที่ใช้ในการปรับรูปหน้ามีอะไรบ้าง
1. โบท๊อก (Botox) เป็นสารที่มีความสามารถในการยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อบางคนหน้าบานกรามใหญ่เกิดจากกล้ามเนื้อเราก็ใช้เจ้าโบท๊อกฉีดเข้าไปเพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อทำให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง โดยจะใช้เวลาหลังฉีดราว 1 เดือนหน้าจะค่อยๆ ดูเรียวเล็กลงได้ แต่ถ้าลดขนาดกล้ามเนื้อจนสุดๆ แล้ว แต่ก็ยังไม่พอใจก็อาจต้องไปจบที่ศัลยกรรมเป็นอย่างสุดท้าย
2. เมโสไลโปไลซิส ( MesoLipolysis) การฉีดสลายไขมัน โครงหน้าคนเอเชียอย่างเรามักจะมีปัญหาปริมาณไขมันที่แก้มเยอะ จึงทำให้แก้มดูอวบป่องเต่งเหมือนอมส้มไว้ในปากตลอดเวลาการทำเมโส ( Mesotherapy) คือการฉีดยาเข้าไปยังบริเวณที่เราต้องการให้มันออกฤทธิ์ในกรณีนี้เราต้องการให้ไขมันสลายหายไป คือใช้ตัวยาที่ออกฤทธิ์สลายไขมัน จึงมีชื่อเรียกว่าLipo (ไขมัน) – สลาย (Lysis) นั่นเองซึ่งปริมาณของยาที่เราฉีดเข้าไปต้องมากเพียงพอที่จะครอบคลุมพื้นที่ๆ เราต้องการให้ไขมันถูกทำลายสลายไปเมื่อฉีดเข้าไปแล้วตัวยาจะทำให้เซลล์ไขมันตายแล้วก็จะถูกกำจัดออกไปทางระบบน้ำเหลืองขับออกทางอุจจาระในที่สุดหลังฉีดก็อาจมีการบวมเกิดขึ้นได้และต่อเนื่องไปราวๆ 1 สัปดาห์กว่าจุดที่เราฉีดนั้นจะเริ่มเล็กลงอย่างที่บอกว่าปริมาณยาต้องมากพอ ถ้าแก้มยุ้ยมากหรือบริเวณที่เราต้องการสลายไขมันมีขนาดใหญ่ก็อาจจะต้องฉีดหลายครั้ง
3. ฟีลเลอร์ (Filler) แปลตรงตัวว่า "เติมเต็ม"สารที่เรียกว่าฟีลเลอร์นี้คือสารที่มีหน้าที่เติมเต็ม ชื่อมันบอกหน้าที่อยู่แล้วเราจึงนำมาใช้เพื่อเติมในจุดที่พร่องไป จริงๆ สามารถเติมส่วนใดก็ได้ในร่างกายสารตัวนี้มีมากมายหลายชนิด มีทั้งแบบถาวรคือไม่สลายไปจากร่างกาย อยู่ได้ตลอดชีวิตคือ ซิลิโคนเหลวนั่นเอง ปัจจุบันไม่ใช่ฉีดกันแล้วเพราะเรารู้ว่าร่างกายสามารถเกิดปฏิกิริยาต่อต้านและแถมยังไหลไม่ยึดเกาะทำให้หน้าผิดรูปได้ส่วนแบบไม่ถาวรนั้นก็มีหลายแบบ คือร่างกายเราสามารถสลายสารเหล่านี้ได้เองแต่ในประเทศไทย สารที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยามีเพียงตัวเดียวคือ Hyaluronic acid หรือที่เราเรียกสั้นๆกันว่าไฮยานั่นเอง มีหลากหลายยี่ห้อมากซึ่งในปัจจุบันนานที่สุดที่มีการอ้างอิงในท้องตลาดจากบริษัทเวชภัณฑ์ต่างๆเท่าที่หมอทราบคือ 2 ปีแต่หลังจากฉีดแล้ว ไม่ใช่ว่าครบตามเวลาแล้วถึงจะยุบ มันจะค่อยๆ ยุบไปเรื่อยจากวันที่ฉีดเข้าสู่ร่างกายโดยจะสลายเร็วหรือช้า ก็ขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบ เช่น ตัวฟีลเลอร์เองการดูแลสุขภาพของตนเองการปรับรูปหน้าโดยใช้ฟีลเลอร์นี้นอกจากจะใช้เติมส่วนที่พร่องให้เต็ม เช่น ร่องแก้มร่องน้ำตา ร่องน้ำหมาก แก้มและขมับตอบ มันยังสามารถเติมส่วนที่อยากให้เกินออกมาได้ด้วยเช่น การเติมจมูกให้โด่งมากขึ้น หรือการเติมให้มีคางที่ยาวมากขึ้นนั่นเอง
4. การร้อยไหมยกกระชับ(Thread Face Lift) จริงๆ แล้วไหมยกกระชับมีมานานแล้วแต่เพิ่งจะมาเริ่มบูมในบ้านเราก็สัก 2ปีที่ผ่านมาไหมยกกระชับมีหลายชนิด เช่น ไหมก้างปลา ไหมกรวย และมีหลากหลายวัสดุ เช่น ไหม PDO,ไหม Silicon, ไหมทอง หมอจะเลือกให้เหมาะกับปัญหาที่มี เมื่ออายุเพิ่มขึ้นผิวเราจะเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น(Elasticity) สูญเสียปริมาตร (Collagen and Fat lost)ทำให้หน้าหย่อนคล้อยห้อยย้อยลงไปตามแรงโน้มถ่วง การร้อยไหมทำให้ใบหน้าตึงกลับไปได้จาก2 ส่วน คือ ตัวมันเองทำให้ที่เป็นสลิงดึงขึ้นไป และกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมสร้างใหม่ของสิ่งที่หายไปเหล่านั้น
5. เครื่องยกกระชับ ในกลุ่มเครื่องมือนี้จะมีหลากหลายเทคโนโลยี ที่ให้ผลใกล้เคียงกัน ได้แก่เครื่องมือในกลุ่ม RF(Radiofrequency) เช่น Thermage และ E-Matrix, เครื่องมือกลุ่ม Infrared เช่น Almar, เครื่องมือกลุ่ม Ultrasoundเช่น Ulthera เครื่องมือเหล่านี้จะให้พลังงานเพื่อสร้างความร้อนเข้าสู่ชั้นต่างๆของโครงสร้างผิวหนัง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการยกกระชับและทำให้ไขมันบางส่วนสลายตัวจึงสามารถให้ผลในการลดไขมันและยกกระชับได้เช่นกัน
หมอจะยกตัวอย่างการปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องศัลยกรรมให้เข้าใจคร่าวๆเช่น สาวน้อยคนหนึ่ง มีลักษณะหน้ากลมคางสั้นไร้สันจมูกเริ่มแรกหมอจะดูว่ามีปริมาณไขมันเยอะไหม ถ้าเยอะมากก็จะเริ่มต้นด้วยการฉีดสลายไขมันเพื่อลดไขมันส่วนเกินออกไปก่อน นัดมาดูอีก 2 สัปดาห์ ถ้ายังมีไขมันเยอะก็อาจฉีดสลายไขมันซ้ำได้อีกจนกว่าไขมันส่วนเกินจะลดจนเป็นที่พอใจต่อมาก็จับดูว่าหน้าที่บานเกิดจากกล้ามเนื้อกรามที่โตก็ฉีดโบท๊อก จากนั้นอีก 1เดือนหมอจึงจะนัดมาประเมินซ้ำ โดยทั่วไปหลังจากแก้มยุ้ยๆ กับกรามบานๆ ยุบไปแล้วโครงหน้าจะยังไม่เป็น V-shapeหมอจะทำการใส่ไหมยกกระชับใบหน้าร่วมกับการเติมฟิลเลอร์ไฮยาที่คางหากคางสั้นและจมูกเพื่อให้จมูกโด่งยาวขึ้นได้จากที่หมออธิบายลำดับขึ้นตอนและวิธีการ คงพอจะนึกภาพตามออกนะคะ
2 การปรับรูปหน้าโดยการศัลยกรรม ทำได้ทุกสิ่งอย่าง คนดั้งแฟ่บก็เสริมจมูก บางคนอยากทำให้ริมฝีปากบางลงก็ตัดออกซะตาตี่ไม่มีชั้นก็ทำให้มีตาสองชั้นได้ไม่ยากเย็นอะไร โหนกแก้มสูงหน้ากว้างหน้าบานก็ทุบออกได้หรืออยากหน้าเรียวเป็นรูปตัววีก็เลือกตัดกรามออกเลยได้หน้าเรียวสมในหมอได้มีโอกาสไปดูหมอเกาหลีผ่าตัดสดๆ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ไปเพราะอยากรู้ว่าเขามีเทคนิคที่แตกต่างไปจากหมอไทยหรือไม่จริงๆ แล้วเทคนิคไม่ต่างกันเลยค่ะก็นำเทคนิคของฝรั่งมาปรับให้เข้ากับคนไข้ในแต่ละชาติของตนมากกว่าแต่ต่างกันที่มุมมองว่าแบบไหนถึงสวย แล้วสามารถทำออกมาได้อย่างที่คิดหรือเปล่า
จากที่หมอได้เล่าให้ฟังคร่าวๆ คงพอจะมีคำตอบให้กับตัวเองได้เบื้องต้นว่าจะเริ่มต้นทำให้ตัวเองสวยขึ้นแบบไหนดีการมีใบหน้าที่สวยงามนั้นส่งเสริมให้เรามีความสุขกับตนเองและมีความมั่นใจในการใช้ชีวิตการปรับแต่งเสริมสร้างตนเองให้มีความสวยงามนั้นเป็นเรื่องที่ดีแต่การมองและความต้องการความสวยงามของตนเองที่มีนั้น อยากให้ตั้งอยู่ในความพอดีบางคนทำไปทำมาจนแย่กว่าเดิมก็มี เยอะเสียด้วย การหาข้อมูลให้ลึกว่าแต่ละอย่างมีข้อดีข้อเสียอะไรบ้างหากเกิดผลเสียตามมาแล้วเรารับมือกับมันได้ไหม การเปรียบต่างเรื่องราคาและความคุ้มค่าของการรักษาในแต่ละแบบการเลือกหมอที่ไว้ใจได้ก็เป็นอีกเรื่องสำคัญมาก จะว่าสำคัญที่สุดก็ว่าได้เพราะเรื่องของความงามเป็นเรื่องของศิลปะ หมอแต่ละคนจะมีมุมมองไอเดียในรูปแบบของความสวยงามที่ต่างกันความสวยในแบบที่หมอมองเห็นตัวคุณกับสิ่งที่คุณต้องการนั้นสื่อสารกันได้เข้าใจตรงกันไหมถ้าไม่ตรงกันแม้จะเป็นหมอฝีมือดีแค่ไหน สุดท้ายก็จบด้วยความไม่พอใจอยู่ดี ความสวยในแบบที่หมอมองถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่เราคิดไว้แต่แรกถ้าสวยจริงหมอต้องอธิบายให้คุณนึกภาพออกได้ว่าความสวยแบบนั้นมันเป็นอย่างไรจนเห็นภาพไปในทิศทางเดียวกันนั่นก็คือยอมรับทั้งหมอทั้งคนไข้ว่าสวย นี่ก็เป็นอีกประเด็น จากการที่หมอได้มีโอกาสสังเกตการผ่าตัดหมอศัลยกรรมพลาสติกเกาหลีหมอมองว่าก็คนไข้ที่เขาทำออกมาสวยมากนะ สวยทุกคนเลย แต่เหมือนๆ กันไปหมดเลยพอหมอเดินก้าวออกมาจากคลินิก ถ้าเจอสาวๆเหล่านั้นอีกทีหมอมั่นใจได้เลยว่าจำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร ไม่อยากจะเม้าท์คนเกาหลีจริงๆ คนไทยสวยกว่าเยอะนะ เดินไปตามถนนหนทางบ้านเขาหาสวยได้น้อยจริงๆดีที่ขาวกับสูงนี่ล่ะ ถ้าวัดจากปริมาณคลินิกเสริมความงามของเค้ากับบ้านเราแล้วละก็ที่เราคิดๆ ว่าประเทศไทยมีเยอะแล้วละก็ เทียบกันไม่ติดค่ะคลินิกความงามเค้ามีมากกว่าเรา 3 เท่าเห็นจะได้คนไข้เดินเข้าเดินออกต่อวันเกือบ 50 คนต่อคลินิกเลย สำหรับวันนี้หมอก็ขออัพเดตเพียงเท่านี้ก่อนนะคะ หวังว่าคงผู้อ่านคงจะได้ความรู้และเข้าใจเรื่องการปรับหน้าเรียวกันมากขึ้นนะคะ