ดร.อมร มีมะโน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คราวน์ เทค แอดวานซ์ จำกัด (มหาชน) (AJD) เปิดเผยถึงกรณีที่ราคาหุ้น AJD ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง หลังมีข่าวลือตามห้องค้าว่าหุ้น AJD มีความเกี่ยวพันกับวัดพระธรรมกายว่า ขอย้ำกับนักลงทุนว่าบริษัทฯไม่มีส่วนเกี่ยวพันใดๆ ทั้งสิ้น กับกระแสข่าวลือที่เกิดขึ้น ซึ่งการบริหารงานของบริษัทฯตลอดในช่วงเวลาที่ผ่านมายึดมั่นหลักธรรมาภิบาล ทำให้นักลงทุนมั่นใจว่า AJD ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ประการใด และพร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เพื่อผลักดันรายได้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานของ AJD ในปี 2560 นายอมร ให้ความเห็นว่า คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการเดินหน้าธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า และธุรกิจตู้เติมเงินออนไลน์ เอเจเติมสบาย ซึ่งวางเป้าหมายยอดขายที่ 40,000 เครื่อง
นอกจากนี้ AJD ยังได้มีการแตกไลน์ธุรกิจใหม่ ธุรกิจการให้บริการตู้ขายน้ำอัตโนมัติและตู้น้ำลิตร ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงไตรมาส 1/60 นี้ และธุรกิจบริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-Money) ให้บริการในรูปแบบบัตร และหรือโปรแกรมในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อชำระค่าสินค้า และบริการทั้งแบบออนไลน์ และตามร้านค้าที่ชะระต่างๆ คาดว่าในช่วงไตรมาส 4/60 จะสามารถให้บริการธุรกิจนี้ได้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุญาตหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คราวน์ เทค แอดวานซ์ จำกัด (มหาชน) (AJD) กล่าวอีกว่า บริษัทฯยังได้รับประโยชน์จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เตรียมแจกคูปองทีวีดิจิตอล รอบใหม่จำนวน 3,984,662 ใบ ซึ่งประชาชนสามารถเลือกรับสิทธิ์ได้ 3 วิธีคือ เลือกรับกล่อง Set Top Box มูลค่า 690 บาท หรือเลือกรับส่วนลดแลกซื้อกล่องไฮบริด ที่สามารถรับชมได้ทั้งระบบภาคพื้นดินและดาวเทียม หรือรับส่วนลดซื้อโทรทัศน์ระบบดิจิตอลระหว่างวันที่ 2 มีนาคม-2 กันยายนนี้ ซึ่ง AJD ในฐานะผู้นำตลาดกล่อง Set Top Box ครองส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) อันดับหนึ่งของประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากเรื่องดังกล่าว ส่งผลให้แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
อนึ่ง ผลการเนินงานของ AJD ในปี 2559 ที่ผ่านมา เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีรายได้รวม 2,558.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 789.23 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 44.62% จากปีก่อนมีรายได้ 1,768.81 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 355.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 349.08 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 5,473.27% จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 6.38 ล้านบาท