นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2560 ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 5-6% จากปี 2559 จากปริมาณการจำหน่าย LPG ที่จะเพิ่มขึ้น หรือราว 3.2 ล้านตัน โดยมีปริมาณขายต่างประเทศและในประเทศ อยู่ในสัดส่วน 60% และ 40% ตามลำดับในช่วง 1-2 ปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทศึกษาการเข้าลงทุนตามโมเดลธุรกิจของ SGP ในประเทศเมียนมาที่จะประกอบด้วย คลัง LPG ,โรงบรรจุ LPG และท่าเรือ เพื่อรองรับการทำธุรกิจ โดยจะใช้แบรนด์ของ "สยามแก๊ส" เข้าไปดำเนินการเอง ขณะที่ราคา LPG ตลาดโลกปีนี้คาดว่าจะปรับสูงขึ้นอยู่ที่ประมาณ 500-600 ดอลลาร์ต่อตัน จะส่งผลดีต่อรายได้ของบริษัท
"การทำธุรกิจ LPG ในต่างประเทศยังเติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะในตลาดจีน ปีนี้คาดว่าจะขยายตัว 5-10% และมาเลเซีย ขยายตัวได้ดี โดยบริษัทมีแผนที่จะสร้างโรงบรรจุแก๊สเพิ่มเติมในมาเลเซียแถบเหนือ โดยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100-200 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่น ที่ต้องการเข้ามาร่วมทุนกับบริษัทในสัดส่วนราว 20% คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 1/2560 จากนั้นจะเริ่มก่อสร้างทันที ซึ่งโรงบรรจุแห่งใหม่จะมีกำลังการผลิต 3,000 ตันต่อเดือน ซึ่งจะทำให้ยอดจำหน่ายในมาเลเซียเพิ่มเป็นราว 6,000-7,000 ตันต่อเดือน" นางจิณตนา กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้นำเข้าแก๊ส LPG หลังจากที่กระทรวงพลังงานเปิดเสรีนำเข้าแอลพีจี เพื่อนำมาจำหน่ายในประเทศตามนโยบายเปิดเสรี ในล็อตแรกปริมาณ 3.3 หมื่นตัน โดยใช้เรือบรรทุกก๊าซขนาดใหญ่ (VLGC) ลอยลำเพื่อทำ Ship to Ship บริเวณเขตท่าเรือศรีราชา และนำเรือบรรทุกก๊าซ LPG ขนาดเล็กเข้าไปรับเมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2560 ที่ผ่านมาเป็นลำแรกแล้ว ซึ่งเป็นการจำหน่ายในประเทศ 100% ทั้งนี้มั่นใจว่าการนำเข้าในล็อตแรกนี้บริษัทฯจะสามารถบริหารจัดการได้หมด และสนับสนุนรายได้ให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
สำหรับผลประกอบการในงวดปี 2559 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 1,118.72 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,115.92 ล้านบาท มีรายได้รวม 48,161.41 ล้านบาท ลดลง 17.08% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้ 85,082.01 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากราคาก๊าซ LPGในตลาดโลกมีการปรับตัวลดลงตั้งแต่ปี 2557 โดยราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกโดยรวมสำหรับปี 2559 มีราคาเฉลี่ยประมาณ 340 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน และในปี 2558 มีราคาเฉลี่ย 426 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อรายได้ธุรกิจการจำหน่ายก๊าซ LPG ในต่างประเทศ
"ในปี 2559 ที่ผ่านมา ราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกโดยรวมยังคงปรับตัวลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าที่มีไว้เพื่อขายสำหรับธุรกิจการจำหน่ายก๊าซ LPG ในต่างประเทศเมื่อเทียบกับปีก่อน จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมของกลุ่มสำหรับปีที่ผ่านมา อยู่ที่จำนวน 2,890.93 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6 ซึ่งมีกำไรขั้นต้นลดลง 145.63 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.80 เมื่อเทียบกับปี 2558 ซึ่งมีผลกำไรขั้นต้นโดยรวมของกลุ่มบริษัทจำนวน 3,036.56 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.23" นางจิณตนา กล่าว
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเสนอผู้ถือหุ้นจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการของ ปี 2559 ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท โดยได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล งวดมกราคม – มิถุนายน 2559 ไปแล้ว หุ้นละ 0.15 บาท คงเหลือจ่ายเงินปันผลในรอบครึ่งปีหลังงวดเดือนกรกฎาคม – ธันวาคม 2559 หุ้นละ 0.35 บาท ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวขึ้นอยู่กับมติของผู้ถือหุ้นในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2560 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) วันที่ 10 มีนาคม 2560 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 18 พฤษภาคม 2560