นายขจรพงศ์ คำดี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อนำบริษัทย่อย Guangdong Energy Earth Co.,Ltd.ซึ่งก่อตั้งและจดทะเบียนในประเทศจีนเมื่อปี 2557 ดำเนินธุรกิจซื้อขายถ่านหินในประเทศจีน เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยแต่งตั้งให้ China Commercial Law Firm เป็นบริษัทที่ปรึกษา ซึ่งวัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อนำเงินที่ได้ไปใช้ในการขยายธุรกิจถ่านหิน ขยายเหมือง รองรับการเติบโตในอนาคต
ทั้งนี้บริษัท Guangdong Energy Earth Co.,Ltd. มีทุนจดทะเบียน 150 ล้านหยวน (ประมาณ 757.5 ล้านบาท) ซึ่ง บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) ("บริษัท") ถือหุ้นในสัดส่วน 100% โดยที่ผ่านมาผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง สาเหตุเนื่องมาจากกลุ่มบริษัทฯ สามารถจำหน่ายถ่านหินได้ในปริมาณที่สูงขึ้นตามออเดอร์ที่มีเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะลูกค้ารายใหญ่ที่เป็นโรงไฟฟ้าของรัฐบาลจีน ส่งผลทำให้ปี 2558 บริษัท Guangdong Energy Earth Co.,Ltd.มีปริมาณการจัดจำหน่ายถ่านหินอยู่ที่ 1.10 ล้านตัน และเพิ่มเป็น 3.95 ล้านตันในปี 2559 ขณะที่รายได้จากการขายปี 2558 เท่ากับ 2.85 พันล้านบาท และเพิ่มเป็น 6.43 พันล้านบาทในปี 2559 และมีกำไรสุทธิในปี 2558 เท่ากับ 21.48 ล้านบาท ส่วนปี 2559 เพิ่มเป็น 70.82 ล้านบาท โดยปี 2560 ตั้งเป้ารายได้จากการขายถ่านหินไว้ที่ 15,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีออเดอร์แล้วประมาณ 60% ประกอบกับราคาถ่านหินจำหน่ายเฉลี่ยต่อตันปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะราคาตลาดโลก
อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม ทั้งในเรื่องของโครงสร้างทางการเงิน โครงการการดำเนินธุรกิจให้มีความเหมาะสมเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ซึ่งกระบวนการต่างๆ ต้องใช้เวลาและดำเนินการตามขั้นตอน หากมีความคืบหน้าและบริษัท Guangdong Energy Earth Co.,Ltd. สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงได้ ทางบริษัทฯ จะดำเนินการตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
"หลังจากที่ผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมาของ EARTH กลับมาเทิร์นอะราวด์ได้อีกครั้ง และปีนี้ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง วางเป้ารายได้จะเติบโตแบบก้าวกระโดดอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 60 % จากปีก่อน ทำให้บริษัทฯ มองว่าถึงเวลาแล้วที่บริษัทย่อยจะต้องเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งการเตรียมความพร้อมในการนำบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง นับเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญของบริษัทฯ ที่จะทำให้ภาพรวมธุรกิจมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น มีชื่อเสียงและภาพลักษณ์ที่ดีมากขึ้น ซึ่งถือเป็นการเตรียมความพร้อมในเบื้องต้นที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในอนาคตของบริษัทย่อย จากปัจจัยสนับสนุนรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง แผนธุรกิจที่มีความชัดเจน ซึ่งแนวโน้มในอนาคตคาดว่าจะมีการเติบโตจากแผนการขยายฐานลูกค้าขึ้นได้อีก และการซื้อเหมืองแห่งใหม่เพิ่ม ประกอบกับแนวโน้มราคาถ่านหินยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมีโอกาสที่บริษัทฯ และบริษัทย่อยจะขยายตัวได้อีกมากในอนาคต เพราะว่าถ่านหินยังมีปริมาณสำรองใช้ได้มากกว่า 120 ปี และเป็นพลังงานเชื้อเพลิงที่มีต้นทุนต่ำสุดเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงชนิดอื่น "นายขจรพงศ์กล่าว