คุณบุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า ได้เตรียมเป้าหมายในการดำเนินกิจการขึ้นเป็นอันดับ 1 ในธุรกิจหลักทรัพย์ ภายใน 3 ปี โดยแผนระยะสั้น เราคาดว่าจะขยับขึ้นติด TOP 5 ภายในปีนี้ ทั้งในส่วนของตลาดหุ้น และตลาดอนุพันธ์ การที่เราจะก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1ของส่วนแบ่งการตลาดในเมืองไทยได้นั้น หมายถึงการเติบโตของ Market Share ของเราต้องเพิ่มขึ้นถึง 3 % ซึ่งถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง แต่ก็เราเชื่อมั่นว่า เราจะทำได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน ด้วยแรงสนับสนุนอย่างเต็มที่จากบริษัทแม่ ทั้งในด้านเงินทุน และ Know-how ต่าง ๆ ในการที่จะสนับสนุนธุรกิจด้านหลักทรัพย์ โดยในด้านเงินทุนนั้น บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า ไต้หวัน ได้เพิ่มทุน เป็น 1,500 ล้านบาท ทันทีหลังการเข้าซื้อกิจการ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 4,500 ล้านบาท ในไม่ช้านี้ เพื่อใช้เป็นฐานสำหรับการขยายธุรกิจ โดยเน้นลงทุนในด้านระบบงานต่าง ๆ เพื่อรองรับธุรกรรมที่หลากหลาย สำหรับลูกค้าแต่ละประเภท และรองรับจำนวนลูกค้าที่จากเดิมที่มีอยู่ 35,000 ราย ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวภายในปีหน้า และพร้อมขยายสาขาให้บริการไม่น้อยกว่า 30 สาขา ครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เราจะต้องเดินหน้าทำธุรกิจเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ในระยะเวลาที่เร็วที่สุด
ในส่วนของทีมผู้บริหารซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญที่นำพาบริษัทฯ ให้ประสบสำเร็จตามเป้าที่วางไว้นั้น เรามีทีมผู้บริหารที่มีความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ รวมทั้งมีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์ชั้นนำมากกว่า 30 ปี เข้ามาร่วมงานกัน อย่างวันนี้ คุณชาญศักดิ์ ธนเตชา ประธานสายผลิตภัณฑ์หลักทรัพย์ ก็ร่วมทีมบริหารแล้ว และจะร่วมพัฒนาให้เกิดความหลากหลายด้านผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในด้านต่าง ๆ และในวันที่ 1 เมษายน 2560 นี้ เราก็จะมีผู้บริหารเพิ่มเข้ามาช่วยเสริมทัพอีก 2 ท่าน คือ คุณโฆษิต บุญเรืองขาว ประธานสายธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ ที่เข้ามาดูแลงานด้านหลักทรัพย์ และช่วยสร้างนวัตกรรมใหม่ด้าน online ให้กับลูกค้า ส่วนในด้านสนับสนุนนั้นได้ คุณภูษิต แก้วมงคลศรี ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการและประธานเจ้าหน้าที่การเงิน จะเข้ามาร่วมพัฒนาและสร้างระบบสนับสนุนการซื้อขายหลักทรัพย์ให้มีความสะดวกสูงสุดสำหรับลูกค้า จะเห็นได้ว่าเรามีความพร้อมแล้วในทุก ๆ ด้าน เพื่อจะบุกไปข้างหน้าพร้อมกับทีมงานด้านอื่น ๆ
ขณะเดียวกันเรายังให้ความสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับข้อมูลที่ถูกต้อง และแม่นยำ เพื่อช่วยสร้างกำไรให้กับนักลงทุน โดยเราจะสร้างทีมวิจัยที่ลงลึกในทุกภาคอุตสาหกรรม เพื่อจะสามารถคัดสรรหุ้นที่ตอบโจทย์สำหรับการลงทุนทั้งในระยะสั้น และระยะยาว นอกจากนี้เรายังมีโปรแกรมในการอบรมพัฒนาความรู้ของที่ปรึกษาการลงทุนอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องเพื่อให้ที่ปรึกษาการลงทุนของเราสามารถเป็นตัวกลางในการส่งผ่านข่าวสารที่ดี ตลอดจนมีความพร้อมในการพัฒนาตัวเองไปสู่ผู้วางแผนการลงทุนให้กับลูกค้าของเรา
คุณชาญศักดิ์ ธนเตชา ประธานสายผลิตภัณฑ์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมอีกว่า เมื่อพูดถึงแผนการสร้างการเติบโตของบริษัทฯ นอกจากการมีฐานทุนที่แข็งแกร่ง และทีมงานที่มีความพร้อมแล้วนั้น การให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน
เราได้เตรียมความพร้อมเพื่อสร้างให้ หยวนต้า เป็น Full finance service โดยระยะสั้นเราจะสร้างผลิตภัณฑ์ที่เน้นไปในการสนับสนุนด้านการซื้อขายของลูกค้า โดยเราจะมีความพร้อมในการให้บริการด้านสินเชื่อเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ (Margin Loan) ได้สูงถึงกว่า 20,000 ล้านบาท ภายหลังการเพิ่มทุนเสร็จสิ้น ส่วนในด้านการให้บริการด้านการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL) ก็จะเริ่มได้ในเดือนเมษายนนี้ และด้วยอาศัยความที่เราจะมี Network ของหยวนต้าในเอเชีย เราก็จะเริ่มทำธุรกิจ Offshore Investment ได้ในเร็ว ๆ นี้
ส่วนงานด้านวาณิชย์ธนกิจ และการ Underwriting ซึ่งเรามีใบอนุญาตครอบคลุมอยู่แล้วนั้น ก็จะค่อย ๆ เริ่มจากการขายหุ้น IPO ซึ่งเราก็มีดิวอยู่ต่อเนื่อง และจะเริ่มงานด้านที่ปรึกษาทางการเงินในลำดับถัดไป ในด้านตราสารที่นอกเหนือจากตราสารทุน เราได้ทีมงาน และ Know-how ในการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องตราสารอนุพันธ์ เช่น Futures, Options และ DW ตรงจากบริษัทแม่ในประเทศไต้หวัน ซึ่งทำให้เราเชื่อมั่นว่าตราสารด้านอนุพันธ์ของเราจะมีความหลากหลาย และเอื้อต่อการลงทุนของลูกค้าเรามากที่สุด
สำหรับด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ นั้น ปัจจุบันเราได้ลงทุนกว่า 200 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบการซื้อขายของบริษัทในทุกตลาดฯ ให้มีความรวดเร็ว ทันสมัย และมีความปลอดภัยสูงสุด ทั้งนี้ระบบของเรานี้จะสามารถรองรับทุก platform ในการส่งคำสั่งซื้อขาย และสามารถเชื่อมต่อกับระบบงานสนับสนุนเพื่อให้ที่ปรึกษาการลงทุนทำงานได้สะดวก และลูกค้าได้รับบริการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ที่สำคัญในการเชื่อมต่อกับ Fintech ซึ่งเป็น Trend สำหรับอนาคตนั้นก็มีความร่วมมือกันระหว่าง ไต้หวัน เกาหลี และเราในการผลิตเครื่องมือ เพื่อความง่ายสำหรับนักลงทุน เช่น ปัจจุบันเรามี Stoxify เป็นเครื่องมือในการให้ rating ของหุ้น และมี Sensify ซึ่งเพิ่งเปิดตัวให้นักลงทุนทั่วไปได้ทดลองใช้ในวันที่ 15 มีนาคม ที่ผ่านมา เพื่อเป็นแหล่งรวมในการตรวจสอบข่าวสารในโลก Social ได้ตลอดเวลาพร้อมกับการใช้ AI เพื่อให้คะแนนข่าวที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน