ความสำคัญของงานนอกจากจะส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นการเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) โดยตรงแล้ว ยังเป็นการบูรณาการในเรื่องสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่วิสาหกิจของไทยอีกด้วย เพราะปัจจุบันการใช้พลังงานไฟฟ้า 1 หน่วย (1 kWh) จะมีการปลดปล่อย CO2 ประมาณ 0.45 กิโลกรัม CO2 (องค์การบริหารก๊าซเรือนกระจก,อบก.) จึงเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งปัจจุบันในภาคส่วนของอุตสาหกรรมมีการใช้พลังงานมากเป็นอันดับ 2 (ประมาณ 35%) รองจากภาคขนส่งที่ใช้พลังงานประมาณ 37%
นอกจากนั้น (สพส.กสอ.) ยังได้แสดงวิสัยทัศน์ในเรื่องการปรับเปลี่ยนธุรกิจ (Transform) เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจที่กำลังเกิดขึ้น โดยเน้นให้เกิดการนำชิ้นส่วนใหม่ หรือเทคโนโลยีใหม่ เพื่อเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเดิมสู่อุตสาหกรรมใหม่ หรือมีการผลิตที่หลากหลายจากผู้ผลิตเดิม โดยแสดงให้เห็นถึงเครื่องมือที่พร้อมจะปรับเปลี่ยนผู้ประกอบการเดิม สู่ผู้ประกอบการที่มีความสามารถหลากหลาย เช่น ศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่อนาคต (ITC) การจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ BOI กฟผ. สมาคมผู้ผลิตพลังงานไทย สมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย ทั้งนี้ สมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทยคาดว่าจะมีมูลค่าในการเจรจาครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท