เปิดคอนเสิร์ตด้วยการอัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ "ใกล้รุ่ง" มาขับร้องให้ฟังโดยศิลปินทุกคนร่วมกันร้องเพลงนี้ เป็นการเปิดคอนเสิร์ตด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ จากนั้น เศรษฐา จึงขอร้องเพลง "เหมือนเคย" สร้างความประทับใจให้กับแฟนเพลงเป็นอย่างมาก จากนั้น เศรษฐา ชวนเพื่อนสมาชิก วงดิอิมพอสสิเบิ้ลส์ วินัย พันธุรักษ์ และ พิชัย ทองเนียม มาร่วมรำลึกเพลงของวงอิมฯ ที่นำมาทำเป็นเมดเล่ย์ ทั้งเพลงที่คุ้นหูและไม่คุ้นหู บางเพลงเป็นเพลงที่ไม่ได้ร้องมานานมากแล้ว อาทิเพลง หัวใจเหิร-วนาสวรรค์-สกุณา และเพลง ว้าเหว่ ก่อนจะส่งต่อให้กับศิลปินวงแรก รอยัลไสปร้ทส์ สุนทร สุจริตฉันท์, เสริมเวช ช่วงยรรยง และ อำนาจ ศรีมา ที่มารำลึกความหลังครั้งประกวดวงดนตรีคู่แข่งกับวงดิอิมพอสสิเบิ้ลส์ด้วย กับ "เมดเล่ย์Samba pa ti – Crocodile Rock - รักสิบล้อรอสิบโมง" ที่กระตุกต่อมให้ได้ขยับแข้งขยับขากันทีเดียว จากนั้น พี่จี๊ด สุนทร ก็โชว์เพลงช้าของวงกับเพลง "ให้" มอบให้เจ้าของคอนเสิร์ตเป็นพิเศษอีกด้วย โดยมีพิธีกรหน้ากวน น้าเน็ก เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา มาเป็นโฆษกประจำตัวให้เศรษฐาอีกด้วย
วงดิอิมพอสสิเบิ้ลส์ ออกมาขับกล่อมเพลงให้แฟนเพลงระลอก 2 กับเพลง ความรักเพรียกหา (วินัย), รักไม่รู้ดับ (วินัย+พิชัย), หมื่นไมล์แค่ใจเอื้อม และ เป็นไปไม่ได้ โดยมี น้าเน็ก ร่วมสัมภาษณ์พูดคุย และหยอดมุขแซวเรียกเสียงฮาตลอดคอนเสิร์ต
ถึงคิว วงแมคอินทอช วงดนตรีที่เดินตามรอยวงอิมฯ กับการร่วมร้องและเล่นในภาพยนตร์หลากหลายเรื่อง และเพลงส่วนใหญ่ก็ดังมาจากภาพยนตร์ซะด้วย นำทีมมาโดย เหมียว-สมบัติ ขจรไชยกุล, ต้น-วงศกร รัศมิทัต ที่มาตีกลอง และเล่นกีตาร์ ในบทเพลงดังของวงอย่าง "ใจสยิว", "วันวานยังหวานอยู่"เล่นเอาทั้งฮอลล์ ร้องตามกันตลอดทุกเพลง จน เศรษฐา ออกมาร้องเพลง "หนาวเนื้อ" รวมถึงบทเพลงที่เกี่ยวกับทะเล เพราะเพลงของวงอิมฯ ส่วนใหญ่จะเกี่ยวเนื่องกับทะเลหลายเพลง ครั้งนี้เศรษฐา ก็เลยจับเพลงทะเลมารวมมิกซ์กัน ทั้งเพลงที่ได้ยินกันบ่อยๆ และเพลงที่หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นหู อาทิ "เพลงรักทะเลใต้-เริงทะเล-ทะเลเปี่ยมรัก-หาดสีทอง-ทะเลไม่เคยหลับ" เรียกว่าฟังแล้ว อยากจะไปเที่ยวทะเลกันเลยทีเดียว
และเศรษฐา ก็ยังได้แก้เผ็ด น้าเน็ก ด้วยการจัดเก้าอี้แบบริงไซด์ นั่งชมบนเวที ให้ฟังเพลงที่น้าเน็กบอกว่า ชื่นชอบมาก เจ็บใจตั้งแต่คอนเสิร์ตครั้งที่แล้ว ที่ตั้งใจไปฟังเพลงนี้ แต่เศรษฐา ไม่ยอมร้องให้ ครั้งนี้ เศรษฐา ก็เลยจัดพิเศษ ให้ฟังกันบนเวทีเลยกับเพลง"เริงทะเล" เล่นเอาน้าเน็ก ลงไปกราบเลยทีเดียว
จากนั้นส่งไม้ต่อให้กับวงขวัญใจนักเรียนอย่าง วงดิอินโนเซ้นท์ ที่มี โอม-ชาตรี คงสุวรรณ และ สายชล ระดมกิจ มาร้องและเล่นกีตาร์ให้ฟังกับเพลง "เห็นใจกันหน่อย" และ "มนต์ไทรโยค" ซึ่งสร้างบรรยากาศได้ครึกครื้น ผู้ชมออกมาต่อแถวยาวเป็นรถไฟตามบทเพลงอย่างสนุกสนาน รวมทั้งวงดิอินโนเซ้นท์ได้ร้องดูเอทกับเจ้าของคอนเสิร์ต ในเพลง "เพียงกระซิบ" ก่อนจะขอพักเบรกคอนเสิร์ตไปให้น้ำให้ท่า แล้วค่อยมาบรรเลงกันต่อ
กลับมาช่วงที่ 2 ของคอนเสิร์ต เศรษฐา ออกมาโซโล่เดี่ยวกับเพลงสากล "Sound of Silence" และเพลง "Scarborough Fair" + "ชื่นรัก" กับการบรรเลงแบบ อันปลั๊ก โชว์เครื่องสายอย่างไพเราะ และน่าฟัง สร้างความประทับใจเป็นอย่างนั้น จากนั้น ต่อด้วยการกระชากอารมณ์ กับท่วงทำนองคึกคักที่เรียกความสนุกสนานกับเพลง "Take Me Home Country Roads" พร้อมกับศิลปินทุกคนออกมาร่วมร้องและร่วมเล่นกับคนดู จากนั้นเป็นคิวของ อ๊อด คีรีบูน ที่ชื่นชอบในน้ำเสียงนุ่มนวลของเศรษฐา จึงได้ถ่ายทอดน้ำเสียงอันนุ่มนวลเป็นเอกลักษณ์ออกมากับบทเพลง "เปาะแปะ" และ "รอวันฉันรักเธอ"
วินัย พันธุรักษ์ ออกมาโชว์เดี่ยวกับเพลง "คำสุดท้าย" เพลงประจำตัว ก่อนจะส่งต่อให้ เศรษฐา ออกมาร้องอีก 2 เพลงรวดกับเพลง "ความรักครั้งสุดท้าย" และ "ยอดเยาวมาลย์" ที่ยังคงหวานนุ่ม และน่าฟัง ทำเอาศิลปินรุ่นหลังๆ อิจฉาในน้ำเสียงอันนุ่มนวล โดยเฉพาะศิลปินวงสุดท้าย ที่เจ้าตัวบอกว่า พยายามเลียนแบบตลอดเวลา ชมพู-ปิง คู่หูแห่งวงฟรุ้ตตี้ กับเพลง "คนข้างเคียง" และ "ผมไม่วุ่น" งานนี้..น้าเน็กจึงขอให้ชมพูร้องเพลงคู่กับเศรษฐา เป็นการพิสูจน์ว่าเป็นเงาเสียงเศรษฐา จริงหรือไม่...
ช่วงสุดท้ายของคอนเสิร์ต เศรษฐา ศิระฉายา มอบบทเพลงรักให้ทุกคนกับเพลง "อาลัยรัก" และ "โอ้รัก" รวมทั้ง เพลงเมดเล่ย์สนุกๆ "หนึ่งในดวงใจ-งัวหาย-ใจร้ายก็บอก" เรียกว่าสนุกสนาน และเต็มไปด้วยความไพเราะไม่แพ้คอนเสิร์ตวัยรุ่นเลยทีเดียว ก่อนจะปิดท้ายคอนเสิร์ตด้วยบทเพลงรวมศิลปินที่อยากจะส่งต่อความสมัครสมานสามัคคีให้กับทุกคน กับบทเพลง "ใจประสานใจ"
เป็นการปิดท้ายคอนเสิร์ตด้วยความสุข สนุกสนาน ประทับใจ และยิ่งใหญ่สมกับคอนเสิร์ตครบ 72 ปีของผู้ชายชื่อ เศรษฐา ศิระฉายา